ขยายกำลังการผลิต เน้นสินค้าอัตรากำไรสูง
Event
บทวิเคราะห์ IPO ราคาเหมาะสม 3.84 บาท
lmpact
กำลังการผลิตใหม่จะเริ่มใน 1Q68 นี้ รองรับอุปสงส์ทั้งในและต่างประเทศ PMC เป็นผู้ผลิตและจำหนายสติกเกอร์ (ฉลากกาว) รายใหญของประเทศ โดย PMC จะจำหน่ายสตกเกอร์ เปล่าให้กับลูกค้าได้แก่ โรงพิมพ์ฉลากสินค้า และผู้ผลิตฉลากสินค้า ซึ้งผลิตภัณฑ์สติกเกอร์ของ PMC มีการจาหนายทงในประเทศและการส่งออกให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศกวา 15 ประเทศทั่วโลก
ปัจจุบน PMC มีกำลังการผลิตสตกเกอร์รวม 75 ล้านตารางเมตรต่อปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 2565 – 66 สูงถึง 84.4% - 83.9% ตามลำดับ เต็มกำลังการผลิตแล้ว จึงทำการลงทุนขยายกำลังการผลิตใหม่ด้วยเงิน ลงทุน 230 ล้านบาท เพื่อรองรบความต้องการที่เพิ่มขนจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้การลงทุนขยายกำลงการผลิตครั้งนี้จะทำให้กำลงการผลิตสติกเกอร์เพิ่มขึ้นเป็น 185 ล้านตารางเมตรต่อปี (หรือ +147%) คาดกำลงการผลิตใหม่สามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ใน 1Q68
เน้นเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า High margin เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ผลิตภัณฑ์ของ PMC แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สติกเกอร์กระดาษ สติกเกอร์ฟิล์ม และสติกเกอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งอัตรากำไรขั้นตนของสตกเกอรฟลมและสตกเกอรชนดพเศษมคาเฉลยทใกลเคยงกนและสงกวาสตกเกอรกระดาษประมาณ 1.5 เท่า ขณะที่สัดส่วนรายได้จากสตกเกอรฟลมและสตกเกอรชนิดพิเศษ ในปี 2566 คิดเป็นเพียง 24.7% และ 13.1% ตามลำดับ หรือรวมรายได้จากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดที่มีอัตรากำไรขั้นต้นส่งเท่ากับ 37.9% ของรายได้รวม ทั้งนบริษทฯ วางแผนทจะทยอยเพิ่มสัดสวนสินค้าที่มีอัตรา
กำไรขั้นต้นสูงทั้ง 2 ชนิด โดยเราคาดสัดสวนรายได้ของผลิตภิณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงทั้ง 2 ชนิดในปี 2567 – 68 จะเพิ่มขึ้นเป็น 40.8% และ 45.6% ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นของ PMC
ความเสี่ยงด้านการเงินจะลดต่ำลงภายหลังการ IPO
แม้ค่า Altman Z-score (Emerging market) ของ PMC ในปี 2566 อยู่ในระดับ Distress zone เป็นผลมาจาก อัตราส่วนทุนหมุนเวียนที่ลดลง รวมทั้งมีการลงทุนขยายกำลังการผลิต แต่เครื่องจักรใหม่จะสามารถเรมดำเนินการผลิตได้ใน 1Q68 ทำให้อัตราส่วน Working capital/Total asset ลดต่ำลงมาก แต่คาดค่า Altman Z-score (Emerging market) จะปรับขึ้นสู่ระดับ Safe zone ในปี 2567 หลังการเพิ่มทน IPO ขณะที่คาด อัตราส่วน D/E ภายหลังการเพิ่มทุนฯ จะลดลงเหลือ 0.67 เท่า (จาก 1.95 เท่าในปี 2566)
Valuation and action
เราประเมินมูลค่าเหมาะสม ปี 2568 สำหรับ PMC ที่ 3.84 บาท อิง Forward PE ที่ 20.5 เท่า อิงค่าเฉลี่ย Forward PE ของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2564 – ปัจจุบัน (ก.ค. 2567) :ซึ่งสอดคล้องกับการ เติบโตของกำไร 38.7% CAGR (2567 – 69) คิดเป็น PEG 0.82 เท่า (ปี 2567 เป็นปีฐาน)
Risks ความเสี่ยงจากการขยายกำลงการผลิตหากคำสั่งซื้อลูกค้าน้อยกว่าคาด, ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ