Market Wrap-Up
- SET วันที่ 13 ส.ค.67 ปิด +0.72 จุด อยู่ที่ 1,297.79 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,546 ลบ.สถาบันซื้อ 330 ลบ.ต่างชาติซื้อ 172 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 416 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 283 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น TRUE,TOP,PTT,IVL,SCGP และมียอดขายสุทธิ BH,BGRIM,BDMS,AOT,BCP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,120 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CN01,TPIPL-R,ORI-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 16,419 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 11,817 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 6,866 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.04%, S&P500 +1.68%, Nasdaq +2.43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3%, สินค้าฟุ่มเฟือย +2.4% หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผย US PPI ก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด ขณะที่กลุ่มพลังงาน -1.02% ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.52% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเฮลธ์แคร์, สาธารณูปโภค ขณะที่กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับลดลง
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลังรายงาน US PPI ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.2% & คาด 2.3% & มิ.ย. 2.7% YoY และ Core PPI ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.4% & คาด 2.7% & มิ.ย. 3.0% YoY ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 55% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย. และคาดปีนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยถึง 1% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ ประเด็นสำคัญค่ำวันนี้ติดตามรายงาน US CPI ก.ค. คาดทรงตัวที่ 3.0% YoY และวันพฤหัสยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. คาด 0.4% & มิ.ย. 0% MoM
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนีปรับขึ้น หลังรายงาน CPI สเปน ก.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.9% & มิ.ย. 3.6% YoY และ Zew เผยดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเยอรมัน ส.ค. ลดลงอยู่ที่ 19.2 & ก.ค. 22.6 ต่ำสุดในรอบ 2 ปี บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อยูโรโซนมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นตลาดจึงคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยค่ำวันนี้ติดตาม GDP ยูโรโซน Q2/67 ครั้งที่ 2 คาด +0.3% & Q1/67 +0.3% QoQ และ CPI อังกฤษ ก.ค. คาด 2.3% & มิ.ย. 2.0% YoY, Core CPI อังกฤษ ก.ค. คาด 3.4% & มิ.ย. 3.5% YoY
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัชนีนิเกอิ +3.45% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี กอปรความผันผวนของค่าเงินเยนลดลง โดยอยู่ในโซนอ่อนค่าที่ระดับ 147 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ติดตาม GDP ญี่ปุ่น Q2/67 คาด +0.6% & Q1/67 -0.5% QoQ และ ราคาบ้าน, การลงทุนสินทรัพย์ภาวร, ผลผลิตภาคอุต ฯ, ยอดค้าปลีก, อัตราว่างงานของจีน ก.ค.
- ดัชนี SET วานนี้ปิด +0.06% ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 4.0 หมื่น ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 416 ลบ. สถาบันซื้อ 330 ลบ. ต่างชาติซื้อ 172 ลบ. และรายย่อยขาย 919 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานนำโดย PTT ตอบรับกับกำไร Q2/67 ดีกว่าคาด และกลุ่มไฟแนนท์นำโดยกลุ่ม JMART หลังรายงานกำไร Q2/67 อยู่ที่ 340 ลบ. +44% QoQ, +155% YoY และบริษัทลูกเช่น SINGER, SGC ไม่มีการเพิ่มสำรอง ECL บ่งชึ้คุณภาพสินทรัพย์ปรับดีขึ้น โดย ดัชนียังได้แรงหนุนหลัง ก.คลังจะเปิดขายกองทุนวายุภักษ์จำนวน 1 – 1.5 แสน ลบ. และนำเข้าจดทะเบียนในช่วง Q3/67 ส่งผลให้มีแรงทยอยซื้อสะสมหุ้น Big Cap. ในกลุ่มธนาคาร, พลังงาน, ไอซีที, รพ. ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุน ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวลดลง เช่น AWC, GPSC หลังจะถูกถอดออกจาก MSCI Global Standard Index ในวันที่ 30 ส.ค. ส่วนรายงานกำไร Q2/67 บจ.ขนาดใหญ่วานนี้ที่ดีกว่าคาด เช่น CPALL,KCE,KTC,AAV ประเด็นสำคัญบ่ายวันนี้ติดตาม ศาล.รธน.จะอ่านคำวินิจฉัยกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐา ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลและการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,285 – 1,290 แนวต้าน 1,310 – 1,315 คาดดัชนีทรงตัวรอคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Big Cap.ที่อยู่ในข่ายการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ เช่น SCB, TTB, KTB, PTT, BCP, GULF, ADVANC, AOT
- BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.30 บาท) บริษัทรายงานกำไร 2Q67 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต +18%QoQ, +11%YoY แม้ว่าธุรกิจจะเข้าช่วง Low Season ทำให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าและปริมาณรถใช้ทางด่วน -QoQ, +YoY แต่กำไรของบริษัทจะมีตัวช่วยหนุนจากเงินบันผลของ CKP และ TTW ส่วนแนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น เพราะเป็นช่วงเปิดภาคเรียน และ BEM ปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง ส่วนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกในส่วนของงานโยธามูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และการลงทุนด้านระบบและขบวกรถมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท กำลังเริ่มดำเนินการโดยมีกำหนดเปิดใช้บริการสีส้มตะวันออกก่อใน 71 และเต็มสายตะวันตกด้วยในปี 73 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%YoY และ 4.29 พันล้านบาท +11%YoY
- CPALL (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 75.50 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 6,239 ลบ.(+58%YoY, -1.26%QoQ) สูงกว่า Bloomberg Consensus(5,847 ลบ.,+6.71%) โดยในส่วนของรายได้แข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 240,948 ลบ.(+6.80%YoY, +2.83%QoQ) YoY QoQ ยังโตได้ดีจากการฟื้นตัวกำลังซื้อในประเทศ/นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไตรมาสนี้พระเอกยังคงเป็นร้านสะดวกซื้อ7-11 ที่ยอดขาย +9.7%YoY, +6.0%QoQ ทั้งนี้ นอกจากรายได้ที่ดีแล้ว ปัจจัยหนุนกำไร มาจาก 1.Finance Cost ที่ลดลง YoY 267 ลบ. และ 2.การเน้นไปที่สินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า เช่น สินค้า Ready-to-Eat และเครื่องดื่ม ส่งผลให้ GPM เฉพาะ 7-11 สูงขึ้นYoY 60bps/ QoQ 30bps มาที่ 29.0% นอกจากนี้จากสัดส่วนของ 7-11 ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบ Makro-Lotus ยังส่งผลให้ GPM รวมไตรมาสนี้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 22.43%(YoY +46 bps, QoQ +14bps)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย. -$1.71 อยู่ที่ $78.35 / บาร์เรล, Brent ต.ค. -$1.61อยู่ที่ $80.69/บาร์เรล ตลาดลดความกังวลอิหร่านจะโจมตีอิสราเอลหลังผ่านไป 48 ชม. ขณะที่โอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันตลาดโลกปีนี้คาดเพิ่มขึ้นเพียง 2.11 ล.บาร์เรล/วัน ลดลงจากเดิม 1.35 แสน บาร์เรล/วัน
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$3.80 อยู่ที่ $2,507.80 /ออนซ์ ยังได้แรงหนุนหลังรายงาน US PPI ก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด ส่งผลให้เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย. กอปรกับ Dollar Index อ่อนค่า -0.56% อยู่ที่ 102.559
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +37.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +4.9 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +30.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.13 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 34.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.853 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +15 จุด อยู่ที่ 1,670
(+) BitCoinเช้านี้ +1.35% อยู่ที่ 60,598 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
19 ส.ค. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/67
21 ส.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2567
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
13 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ก.ค.)
14 ส.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ก.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
15 ส.ค. US ดัชนียอดขายปลีก ( ก.ค.)
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2024: GFPT*, CPALL, BH, BTG*, THCOM
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th