AT THE OPEN (#ATO)

SET Index ไปต่อ
กลยุทธ์ เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดฟื้นตัวตามกรอบ 1300-1320 จุด แรงหนุนมาจากคลังปรับเป้า GDP Growth ปี 67 ขยายตัว 2.7%YoY จากเดิม 2.4%YoY การรายงานงบ 2Q67 ของ DELTA ที่ออกมาดีกว่าตลาดถึง 40% ผสาน Sentiment บวกของตลาดหุ้นภูมิภาคบนความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯที่เตรียมปรับลงในช่วง ก.ย. หลังทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลง กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ PR9 ที่ได้ประโยชน์หากมีความคืบหน้า TESG และ KCE กำไร 2Q67 แนวโน้มขยายตัว QoQ /YoY
ดัชนี MSCI Asia Ex Japan วานนี้ปรับขึ้น 0.64% แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางดอกเบี้ย สหรัฐฯที่ตลาดยังให้น้ำหนักกับการปรับลดครั้งแรกในเดือน ก.ย. หลังรายงาน Core PCE สหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ขยายตัวตามคาด 2.5%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ 2.6%YoY ส่วนสัปดาห์นี้ให้น้ำหนักที่ผลการประชุม FED (รู้ผลช่วงเช้า 1 ส.ค.) ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5% แต่จุดสนใจอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธาน FED ต่อมุมมองดอกเบี้ยฯ ต่อไป

ปัจจัยในประเทศมีน้ำหนักในทางบวกจาก คลังปรับคาดการณ์ GDP 67 ขยายตัว 2.7%YoY จากเดิม 2.4%YoY โดยมีการปรับประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวจากเดิม 35.7 ล้านคนเป็น 36 ล้านคน ภาคส่งออกคาดขยายตัว 2.7%YoY จากเดิม 2.3%YoY หลังเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญฟื้นตัว และภาคบริโภคในประเทศคาดขยายตัวมากขึ้น 4.5%YoY จากเดิม 3.5%YoY โดยยังไม่รวมผล Digital Wallet ในประมาณการ นอกจากนี้ยังได้ Sentiment บวกจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จากการรายงานผลประกอบการ 2Q67 DELTA ที่ดีกว่าตลาดคาด 40% หนุนจากรายได้เติบโตและ GPM ที่ดีขึ้น ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้อยู่ที่การประชุม ครม. คาดจะมีการพิจารณาเห็นชอบกองทุน TESG

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นแรง 15.63 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาค หนุนหลักมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและ ICT จาก GULF +5% และ INTUCH +4.8% กลุ่มเกษตรและอาหารจาก ITC +3.7% AAI +4.6% ตามยอดส่งออกอาหารสัตว์เดือน มิ.ย. ขยายตัว 13%YoY ส่วนกลุ่มที่ปรับลงสวนตลาด คือ กลุ่มโรงกลั่น BSRC -7.4% SPRC -5.1% BCP -2.3% จากความกังวลต่อการแก้กฎหมายภาษีน้ำมัน

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ KCE PR9

PR9 ได้ประโยชน์จากความคืบหน้า
คาดประชุม ครม. วันนื้ทาง คลังเตรียมเสนอกองทุน TESG ใหม่เข้าพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี เราคาดหุ้นที่อยู่ในกอง TESG เดิมจะยังเป็นเป้าหมายในการซื้อ โดย PR9 จะเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์ คาดมีเม็ดเงินจากกอง TESG ใหม่เข้าซื้อหุ้น PR9 ในช่วง 480-800 ล้านบาท ซึ่งคิดเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 11-19 เท่า ถือว่าเป็นระดับสูงที่สุด เป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นต่อไป
ในแง่ทิศทางกำไร Bloomberg Consensus คาดปี 67 ขยายตัว 16%YoY หนุนจากผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ การเพิ่ม Intensity การรักษาและการเปิดตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งจะดีต่อประสิทธิการทำกำไรในระยะยาว
ด้านกำไร 2Q67E มีแนวโน้มหดตัว QoQ จากผลของฤดูกาล แต่0ขยายตัว YoY ตามรายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ 3Q67 กำไรโตต่อจากการเข้าสู่ช่วง High Season
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.50 บาท

KCE Earnings Momentum เด่น
กำไร 2Q67 มีทิศทางฟื้นตัวได้ YoY และ QoQ จากการรับรู้รายได้ที่เลื่อนมาจาก 1Q67 อัตรากำไรจะดีขึ้นจากโครงการลดต้นทุนของบริษัทฯ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ 3Q67 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อตามปัจจัยฤดูกาล Consensus คาดกำไร 67E โต 25%YoY
ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากการรายงานยอดส่งออก PCB เดือน มิ.ย. ที่ขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ทำให้ยอดส่งออก 2Q67 ขยายตัว 4%QoQ และ 1%YoY น่าจะเพิ่มโอกาสต่อการเติบโตกำไรของ KCE ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ PCB ปี 2566 อยู่ที่ 87% ของยอดขายทั้งหมด
ราคาหุ้น KCE ซื้อขายบน PER67/68E 24.9/21.8 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ซื้อขายที่ 47/43.5 เท่า สวนทางกำไร 67/68E ที่ Bloomberg Consensus คาดโตเฉลี่ย 19% สูงกว่ากลุ่มที่โตเฉลี่ย 11%YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 48.50 บาท

KEY FACTOR
ทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดนแรงขายกดดันจากนักลงทุนสถาบันฯ ที่เป็นผลกระทบมาจาก 1) ความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้ 2) การปรับพอร์ทหลังการรายงานงบฯ 2Q67 ในช่วงแรกที่สะท้อนความเสี่ยงกลุ่มธนาคารฯและการเงิน 3) เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุดยาว อย่างไรก็ตามในช่วงวันศุกร์ สถาบันฯ พลิกมาซื้อสุทธิ 1,454.94 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆดังกล่าวผ่อนคลายลง หนุน SET Index ลดช่วงลบเหลือเพียง -0.75% WoW และกลับยืนเหนือ 1,300 จุด ได้
ในขณะเดียวกันช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเอเชียเหนือและจีน-ฮ่องกง ซึ่งสะท้อนสัญญาณเชิงจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และฟื้นตัวก่อน Key Events สำคัญ
ประเด็นขับเคลื่อนตลาดสัปดาห์นี้คาดว่าจะให้น้ำหนักไปที่การประชุม FOMC วันที่ 31 ก.ค. ที่แม้ว่ามุมมองตลาดยังให้น้ำหนักว่า Fed จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% - 5.50% เท่าเดิมก็ตาม แต่คาดว่าน่าจะมีการส่งสัญญาณ นำไปสู่การลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในเดือน ก.ย.

Eyes on
30 ก.ค. การจ้างงานเอกชน ADP เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ, GDP 2Q67 ของ Eurozone
31 ก.ค. การประชุม FOMC, CPI เดือน ก.ค. ของ Eurozone, PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน ก.ค. ของจีน
1 ส.ค. Caixin PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค.
2 ส.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ, อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ