สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 มิถุนายน 2567)---นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน)CMO เปิดเผยว่าตามที่บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้ออกสารสนเทศเลขที่ 0374-2023 เรื่องแจ้งข้อมูลคดีความหรือข้อพิพาททางกฎหมายที่สำคัญ ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบถึงความคืบหน้าของคดีความหรือข้อพิพาททางกฎหมายที่สำคัญของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ได้ถูกอดีตพนักงานของบริษัทย่อยดังกล่าว จำนวน 2 คน ยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลางเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 42.32 ล้านบาทโดยอ้างว่าถูกเลิกจ้างโดยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงานฝ่ายบริหารได้พิจารณาถึงจำนวนเงินที่อาจต้องจ่ายชดเชยให้กับพนักงาน โดยอ้างอิงจากคดีความที่มีการเรียกร้องเงินจ่ายชดเชยจากพนักงานในลักษณะเดียวกัน และได้บันทึกประมาณการหนี้สินจากคดีความในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 5.32 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารและที่ปรึกษากฎหมายของกลุ่มบริษัทเชื่อมั่นว่า ผลเสียหายจากคดีฟ้องร้องดังกล่าวจะไม่เกินกว่าสำรองค่าเผื่อหนี้สินจากคดีความที่บริษัทย่อยได้บันทึกไว้
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นวันสืบพยาน ปรากฏว่าอดีตพนักงานของบริษัทย่อยทั้งสองคนและบริษัทย่อยสามารถตกลงกันได้ โดยบริษัทย่อยตกลงชำระเงินให้แก่อดีตพนักงานบริษัทย่อยรายที่ 1 เป็นเงินจำนวน 900,000 บาท และช าระเงินให้แก่อดีตพนักงานบริษัทย่อยรายที่ 2 เป็นเงินจำนวน 1,400,000 บาท รวมชำระเงินให้แก่อดีตพนักงานของบริษัทย่อยทั้งสองคนเป็นจำนวน 2,300,000 บาท ซึ่งบริษัทย่อยได้ชำระเงินดังกล่าวให้ครบถ้วนแล้ว จึงถือว่า ณปัจจุบันคดีได้ยุติเป็นที่เรียบร้อย
2. เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 บริษัทคู่ค้าแห่งหนึ่งในฐานะโจทก์ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่งโดยอ้างว่าบริษัทฯ ผิดสัญญาว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 6.6 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5ต่อปี โดยบริษัทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทคู่ค้าเพื่อผลิตสื่อวีดีทัศน์และเนื้อหาจัดแสดงนิทรรศการ จำนวนเงิน13.59 ล้านบาท และได้ชำระเงินค่าจ้างแล้วบางส่วน เป็นจำนวน 6.96 ล้านบาท ต่อมาเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ส่งผลให้บริษัทฯ ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ จึงขอผ่อนผันการชำระเงิน โดยตกลงชำระเงินเป็นรายเดือน ซึ่งภายหลังบริษัทฯ พบว่าบริษัทคู่ค้าส่งมอบงานไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญา จึงยังไม่ชำระค่าจ้างในส่วนที่เหลือดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้บันทึกหนี้สินดังกล่าวไว้แล้วทั้งจำนวน
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันสืบพยาน บริษัทฯ และบริษัทคู่ค้า สามารถตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันได้ โดยบริษัทฯ ตกลงชำระเงินให้แก่บริษัทคู่ค้าเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,000,000 บาท แบ่งชำระออกเป็นจำนวน 18 งวด กำหนดชำระทุกสิ้นเดือน เริ่มชำระเดือนมิถุนายน 2567 เป็นเดือนแรก
คดีดังกล่าวจึงถือว่ายุติลงแล้วโดยบริษัทฯ ต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อไปจนครบถ้วน
ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในส่วนของข้อพิพาทอื่น ๆ ที่ได้รายงานไว้บริษัทฯ จะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ทันทีเมื่อมีความคืบหน้าต่อไป