KEX : การระดมทุนน่าจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

การประกาศเพิ่มทุนผ่านการออกหุ้นใหม่
KEX ประกาศการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราส่วน 0.6196 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคา 3.20 บาท รวม 2.8 พันล้านหุ้น กำหนดวันสิทธิจองซื้อหุ้นในวันที่ 1 สิงหาคม และระยะเวลาจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-27 สิงหาคม KEX คาดว่าจะระดมทุนได้ 9 พันล้านบาท โดยจะนำ 3.24 พันล้านบาทไปชำระหนี้ และใช้เงิน 5.76 พันล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน

SFTH ยืนยันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน RO
ต่อจากการเสนอซื้อหลักทรัพย์ในเดือนมีนาคม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KEX ได้แก่ SF International Holding (Thailand) หรือ SFTH (62.66%) Kerry Properties (10.85%) และ BTS (2.96%) SFTH ยืนยันว่าจะจองซื้อหุ้นสิทธิในจำนวนสัดส่วนการถือหุ้นของตน ขณะที่ Kerry Properties และ BTS กำลังพิจารณาว่าจะจองซื้อหุ้นที่ออกใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาเสนอขาย 3.20 บาทต่อหุ้นสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน มีโอกาสสูงที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย (สัดส่วน 23.53%) จะไม่จองซื้อหุ้นที่ออกใหม่ ทั้งนี้ SFTH เปิดเผยว่า หากการจองซื้อหุ้นใหม่ของตนเกินกว่าสิทธิที่มีอยู่ สัดส่วนการถือหุ้นรวมจะยังไม่ถึงเกณฑ์ 75% ที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด โดยรวมแล้ว เงินทุนขั้นต่ำที่จะได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้คือ 5.6 พันล้านบาท

การเพิ่มทุนน่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
แม้ว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการทอนสิทธิสูงถึง 61.7% แต่เราเชื่อว่ามันจะเป็นผลดีสำหรับ KEX เนื่องจาก SFTH ยินดีจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยการจองซื้อหุ้น (ดังนั้น สัดส่วนการถือหุ้นจะไม่ถูกทอนสิทธิ) การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงสถานะทางการเงินและกระแสเงินสดของบริษัท ลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และจัดหาเงินทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดต้นทุน อย่างไรก็ตาม เรายังไม่แน่ใจว่าการประหยัดต้นทุนจะเพียงพอที่จะช่วยให้ผลการดำเนินงานกลับมามีกำไรหรือไม่

คงคำแนะนำ "ขาย" สำหรับ KEX โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 4.80 บาท
เราประมาณการและมูลค่าที่เหมาะสมหลังจากการเสนอขายหุ้นสิทธิเสร็จสิ้น แม้ว่าการระดมทุนจะช่วยปรับปรุงกระแสเงินสดและลดต้นทุนของบริษัท แต่ประสิทธิผลของกลยุทธ์ในการกลับมามีกำไรของบริษัทยังต้องรอดู ด้วยประมาณการกำไรที่คงเดิม มูลค่าที่เหมาะสมของเราที่ 4.80 บาท ยังคงเดิม (ยังไม่ได้คำนึงถึงหุ้นที่ออกใหม่) ซึ่งคำนวณโดยใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสด โดยใช้มูลค่าประเมินปี 2024 โดยมีการคาดการณ์ต่างๆ ได้แก่ WACC 9.5% CoE 9.5% Rf 3.2% ค่าพรีเมียมความเสี่ยงตลาด 6.4% และอัตราการเติบโตของธุรกิจ 1% โดยความเสี่ยงสำคัญคือ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และกำลังซื้อที่ลดลง