Market Wrap-Up
- SET วันที่ 31 พ.ค.67 ปิด -5.86 จุด อยู่ที่ 1,345.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 74,814 ลบ.ต่างชาติขาย 4,097ลบ.สถาบันซื้อ 535 ลบ.รายย่อยซื้อ 3,209 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิรวม 3,611 ลบ. โดยมียอดซื้อสุทธิในหุ้น BTS,LH,TRUE,PTTEP,MTC และมียอดขายสุทธิ KBANK,AOT,OR,IVL,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 6,713 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CHINA,ASK,SMPC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3,447 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 27,171 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 270 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.30%, S&P500 +0.11%, Nasdaq +0.56% กลุ่มเทคโนโลยี Nvidia +4.9% หลังเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ รูบิน ในปี 2569 ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมัน โดยการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ควานนี้ประสบปัญหาเทคนิคในระบบซื้อขาย ก่อนจะแก้ไขเป็นปกติ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.32% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา, เทเลคอม, สาธารณูปโภค
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ผันผวน หลังตลาดหุ้น NYSE ประสบปัญหาทางเทคนิคระบบ Limit up Limit Down เพื่อคุมความผันผวนของราคาหุ้น ส่งผลให้หุ้น A-Class ของเบิรก์เชียร์ แฮธาเวย์ -99.9%, บาร์ริค โกลด์ -98.5% ก่อนจะแก้ไขเป็นปกติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ พ.ค. ลดลงอยู่ที่ 48.7 & เม.ย. 49.2 ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน กอปรกับ US Core PCE เม.ย. ทรงตัวอยู่ที่ 2.8% YoY และ เม.ย. 0.2% & มี.ค. 0.3% MoM บ่งชี้ภาคการผลิต & เงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 52.6% เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย. นี้ สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. คาด 185,000 & เม.ย. 175,000 ราย , อัตราว่างงาน พ.ค. คาดทรงตัวที่ 3.9%
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น หลัง PMI ภาคการผลิตยูโรโซน พ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 47.3 & คาด 47.4 กอปรกับ Euro Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 2.584% บ่งชี้โอกาสที่ ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 6 มิ.ย. ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหา, สาธารณูปโภค
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น หลัง US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.405% จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม ก.ย. นี้ ส่วนตลาดหุ้นอินเดียวานนี้ +3.39% หลังผล Exit Poll ชี้พรรคร่วมรัฐบาล (NDA) ภายใต้การนำของนายก ฯ โมดี จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
- สัปดาห์ก่อน SET -1.38% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 62 หมื่น ลบ. +12.4% WoW ต่างชาติขาย 1.17 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 9.1 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 1.6 ลบ. และพอร์ตโบรกซื้อ 977 ลบ. WoW โดยกลุ่มที่ปรับลดลง คือ ปิโตรเคมี -5.4% WoW หลัง PMI ภาคผลิตจีน พ.ค. ชะลอตัวอยู่ในโซนถดถอย ส่วนกลุ่ม รพ. -3.6%, ค้าปลีก -2.97% WoW ถูกแรงขายทำกำไร จากคาดการณ์รายได้ & กำไรมีโอกาสชะลอตัวในงวด Q2/67 เป็น Low Season ขณะที่กลุ่มปรับขึ้น คือ เกษตร +12.6% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มอาหาร, ยางพารา มีอุปสงค์จากตลาดส่งออกต่างประเทศอยู่ระดับสูง โดยดัชนีผันผวนในช่วงวันศุกร์เป็นผลจากการรีบาลานท์ของ MSCI ส่งผลให้มีแรงขายในหุ้น LH, MTC, BTS ส่วนประเด็นการเมืองวันนี พรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองต่อศาล รธน. ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ ติดตาม CPI ไทย พ.ค. คาด +1.20% & เม.ย. +0.19% YoY และวันพฤหัสประชุม ECB ว่าจะสัญญาณลดดอกเบี้ยหรือไม่
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,335 – 1,340 แนวต้าน 1,350 – 1,355 คาดทรงตัวรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้ หากลดจะสัญญาณบวกบ่งชี้นโยบายการเงิน ธ.กลางหลักเริ่มผ่อนคลาย แนะนำทยอยซื้อ GFPT, OSP, ITC ได้แรงหนุนจากคาดการณ์กำไร Q2 นี้ฟื้นตัวตามอุปสงค์ต่างประเทศ
- KCE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 52.00 บาท) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโตราว 4-7%YoY และ GPM ที่ 24% โดยคาดยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นใน 2Q67 ต่อเนื่อง 3Q67 จากที่ล่าช้าในช่วง 1Q67 อัตรากำไรขั้นต้นคาดทยอยเพิ่มจาก 1Q67 ที่ 23% จากการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนด้วยระบบ Automation และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HDI จากความต้องการในตลาด high technology และขยายฐานลูกค่าไปกลุ่ม telecom และ server เชื่อมโยงกันความต้องการด้าน AI ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท +22%YoY และ 2.3 พันล้านบาท +12%YoY
- TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี67 19.50 บาท) กำไรปกติ 1Q67 อยู่ที่ 892 ลบ.(+10.60%YoY, -24.12%QoQ) สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีYoY ในส่วน ของ operation หลักจากธุรกิจ Petcare และ Ambient Seafood ส่วน 2Q67 เราคาดเห็นกำไรแกว่งขึ้น YoY QoQ จาก 1.ฐานต่ำปกติใน 2Q66 จากในช่วงเวลาดังกล่าว Inventory คู่ค้าอยู่ในระดับสูงจึงไม่ออเดอร์สินค้าใหม่คาดต้นทุนราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับต่ำ 1,300-1,500 usd/ton (จากช่วง 2Q66 ที่ 2,000 usd/ton ) ทั้งนี้ราคาปลาทูน่าที่มีโอกาสแกว่งจากโซนล่าง(ราว1,300 usd/ton ใน 1Q67)ขึ้นบน(แต่ไม่สูงเกินไป ไม่สูงกว่า 1,800 usd/ton โดย เม.ย.67 อยู่ที่ 1,375 usd/ton) นอกจากต้นทุนสินค้าใน Inventory ถูกแล้ว ยังดีต่อการปรับราคาขายOEMขึ้นด้วย เป็นบวกมากต่อมาร์จิ้น
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ค. -$2.77 อยู่ที่ $74.22 / บาร์เรล, Brent ก.ค. -$2.75 อยู่ที่ $78.36/บาร์เรล หลังโอเปกมีมติลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 68 แต่เปิดช่องให้สมาชิก 8 ชาติสามารถเลือกแนวทางการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ ต.ค. เป็นต้นไป
Gold Update(+) Comex Gold ส.ค. +$23.50 อยู่ที่ $2,369.30/ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.51% อยู่ที่ 104.14 หลังตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐ พ.ค. ชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. นี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -24.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -15.02 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -9.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 36.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.405 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -7 จุด อยู่ที่ 1,808
(+) BitCoinเช้านี้ +1.93% อยู่ที่ 69,115 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
03 มิ.ย. วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ
พระบรมราชินี
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมันผู้บริโภค
ต่างประเทศ
03 มิ.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)
04 มิ.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (เม.ย.)
05 มิ.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(พ.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)
06 มิ.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มิ.ย.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 มิ.ย. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( พ.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, ITC*, BTG*, KLINIQ
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th