สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤษภาคม 2567)------นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนเมษายน 2567 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเมษายน 2567 มีทั้งสิ้น 104,667 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 11.02 จากการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อขายในประเทศที่ลดลงร้อยละ 5.03 และ 45.94 ตามลำดับสอดคล้องกับยอดขายที่ลดลง เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมติดลมมาหลายเดือน กำลังซื้อยังเปราะบาง และลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 24.34
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - เมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 518,790 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 17.05
รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 38,190 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 5.39 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 23,568 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 28.84
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 644 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 2,476
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 246 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 56.77
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 13,732 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 106.43
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มีจำนวน 193,239 คัน เท่ากับร้อยละ 37.25 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 12.11 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 117,491 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 31.84
• รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 3,291 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 2,712.82
• รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 1,794 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 49.76
• รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 70,663 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 61.31
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนเมษายน 2567 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 10 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 78.26
รถยนต์บรรทุก เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 66,477 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 13.95 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 325,541 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 19.72
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งหมด 65,752 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 12.50 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 316,002 คัน เท่ากับร้อยละ 60.91 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 20.08 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 55,972 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 21.74
• รถกระบะดับเบิลแค็บ 206,143 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 21.69
• รถกระบะ PPV 53,887 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 11.12
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 725 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 65.61 รวมเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 9,539 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 5.79
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 71,928 คัน เท่ากับร้อยละ 68.72 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 5.92 ส่วนเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 345,608 คัน เท่ากับร้อยละ 66.62 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 2.93
รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2567 ผลิตเพื่อการส่งออก 20,792 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 5.03 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 102,597 คัน เท่ากับร้อยละ 53.09 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 4.25
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 51,136 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 6.29 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 243,011 คัน เท่ากับร้อยละ 76.90 ของยอดการผลิตรถกระบะ ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 5.67 โดยแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 21,119 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 23.80
• รถกระบะดับเบิลแค็บ 177,648 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 10.64
• รถกระบะ PPV 44,244 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 42.17
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนเมษายน 2567 ผลิตได้ 32,739 คัน เท่ากับร้อยละ 31.28 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 34.17 และเดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ 173,182 คัน เท่ากับร้อยละ 33.38 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 35.71
รถยนต์นั่ง เดือนเมษายน 2567 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 17,398 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 15.42 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2566 ผลิตได้ 90,642 คัน เท่ากับร้อยละ 46.91 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ลดลงร้อยละ 25.37
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนเมษายน 2567 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 14,616 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 45.94 และตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 ผลิตได้ทั้งสิ้น 72,991 คัน เท่ากับร้อยละ 23.10 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 47.01 ซึ่งแบ่งเป็น
• รถกระบะบรรทุก 34,853 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 20.44
• รถกระบะดับเบิลแค็บ 28,495 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 55.78
• รถกระบะ PPV 9,643 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ร้อยละ 67.32
รถจักรยานยนต์
เดือนเมษายน 2567 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 161,912 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 4.36 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 136,387 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 2.89 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 25,525 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 11.52
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 821,695 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 3.94 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 669,785 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 7.12 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 151,910 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 13.15
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเมษายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 46,738 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 16.69 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 21.49 จากการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 21.49 จนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว
เมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตซึ่งรัฐบาลก็ได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนเมษายนแล้ว จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่าร้อยละ 90 ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 27,078 คัน เท่ากับร้อยละ 57.94 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 7.83
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 12,757 คัน เท่ากับร้อยละ 27.29 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 31.17
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 3,900 คัน เท่ากับร้อยละ 8.34 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 7.21
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 132 คัน เท่ากับร้อยละ 0.28 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 24.57
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,289 คัน เท่ากับร้อยละ 22.01 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 59.10
รถกระบะมีจำนวน 14,067 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 35.69 รถ PPV มีจำนวน 3,622 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 26.74 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 930 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 59.76 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 1,041 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 1.76
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 127,045 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 15.27 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 2.63
ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 รถยนต์มียอดขาย 210,494 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 23.90 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 126,707 คันเท่ากับร้อยละ 60.20 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.04
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 56,650 คัน เท่ากับร้อยละ 26.91 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 36.09
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 23,031 คัน เท่ากับร้อยละ 10.94 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 31.43
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 695 คัน เท่ากับร้อยละ 0.33 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 22.69
• รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 46,331 คัน เท่ากับร้อยละ 22.01 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 66.76
รถกระบะมีจำนวน 60,678 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.28 รถ PPV มีจำนวน 13,436 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.01 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 5,527 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 35.20 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 4,146 คัน ลดลงจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 16
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 574,649 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 8.86
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนเมษายน 2567 ส่งออกได้ 70,160 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 26.22 และลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 12.23 เพราะผลิตเพื่อส่งออกได้น้อยจากจำนวนวันทำงานน้อยในเดือนเมษายน ส่งออกเท่ากับร้อยละ 97.54 ของยอดการผลิตเพื่อการส่งออก จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดอเมริกาเหนือและตลาดยุโรป แบ่งเป็น
• รถกระบะ ICE 41,634 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 59.34 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 15.78
• รถยนต์นั่ง ICE 16,129 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 22.99 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 21.11
• รถยนต์นั่ง HEV 2,501 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 3.56 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 259.86
• รถ PPV 9,896 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 14.10 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 5.65
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 48,146.79 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 4.02
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,805.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 44.77
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,315.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 38.89
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,006.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 22.86
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนเมษายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 69,274.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 5.79
เดือนมกราคม – เมษายน 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 340,685 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 3.66 แบ่งเป็น
• รถกระบะ ICE 196,784 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.76 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 4.89
• รถยนต์นั่ง ICE 77,634 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 22.79 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 28.02
• รถยนต์นั่ง HEV 19,418 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.70 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 590.05
• รถ PPV 46,849 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.75 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 29.96
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 237,301.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 8.71 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 9,669.08 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 11.15
• ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 62,585.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 9.89
• อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 8,326.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 12.05
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 317,883.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 8.29
รถจักรยานยนต์
เดือนเมษายน 2567 มีจำนวนส่งออก 52,770 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ร้อยละ 38.81 และลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 16.73 โดยมีมูลค่า 4,271.53 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 20.60
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 184.91 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 13.17
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 172.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 59.13
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนเมษายน 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 4,628.81 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 18.81
เดือนมกราคม – เมษายน 2567 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 306,498 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 0.63 มีมูลค่า 23,976.21 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 3.61
• ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 840.60 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 17.17
• อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 670.18 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.50
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2567 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 25,486.99 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 4.08
เดือนเมษายน 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 73,903.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ3.82
เดือนมกราคม – เมษายน 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 343,370.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 7.26
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนเมษายน 2567
เดือนเมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,041 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 16.60 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,091 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 7.09
o รถยนต์นั่งจำนวน 4,009 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 69 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 2 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 11 คัน
• รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 4 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 100
• รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 22 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 15.79
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 2 คัน
o รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 20 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,853 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 49.68
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,853 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 61 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 34.41
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 10 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 11.11
เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 35,755 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 36.30 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 26,277 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 42.46
o รถยนต์นั่งจำนวน 25,583 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 652 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 5 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 34 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
• รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 152 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 310.81
• รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 29 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 73.39
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 9 คัน
o รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 20 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 9,059 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 31.56
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 9,057 คัน
o รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 2 คัน
• รถโดยสารมีทั้งสิ้น 107 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 84.78
• รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 131 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม - เมษายน 2566 ร้อยละ 147.17
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนเมษายน 2567
เดือนเมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 10,414 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 68.02 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 10,371 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 68.31
o รถยนต์นั่งจำนวน 10,359 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 4 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 4 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 4 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 43 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 19.44
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 43 คัน
เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 48,528 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 58.41 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 48,397 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 59.12
o รถยนต์นั่ง จำนวน 48,343 คัน
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน จำนวน 10 คัน
o รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 12 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 29 คัน
o รถยนต์บริการให้เช่า จำนวน 3 คัน
• รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 131 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 39.91
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 131 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนเมษายน 2567
เดือนเมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 639 คัน ลดลงจากเดือนเมษายนปีที่แล้วร้อยละ 18.49 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 639 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 18.49
o รถยนต์นั่ง จำนวน 639 คัน
เดือนมกราคม - เมษายน 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 3,349 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - เมษายนปีที่แล้วร้อยละ 19.73 โดยแบ่งเป็น
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 3,349 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 19.73
o รถยนต์นั่ง จำนวน 3,347 คัน
o รถยนต์บริการทัศนาจร จำนวน 2 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2567
ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 167,334 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 187.38 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 115,901 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 260.32
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 114,251 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 258.38
o รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 1,255 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 425.10
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 62 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 463.64
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 93 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1,450
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 240 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 700
• รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 434 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 366.67
• รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 921 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 53.50
o รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 88 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 31.34
o รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 833 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 56.29
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 47,116 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 101.57
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 46,986 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 101.82
o รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 130 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.30
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,527 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 31.96
o รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 435 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 450.63
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2567
ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 391,714 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 35.06 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 382,563 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 36.18
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 381,669 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 36.18
o รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 485 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.04
o รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 65 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 109.68
o รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 183 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 90.63
o รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 156 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 300
• รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
• รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,148 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 0.43
o รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,148 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 0.43
• อื่นๆ
o รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 30 เมษายน 2567
ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 57,269 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.07 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
• รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 57,269 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.07
o รถยนต์นั่งมีจำนวน 57,197 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 23.08
o รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 41 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 5.13
o รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 23 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 43.75
o รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
o รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 400