Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews: ส่อง SET มี.ค. 3 เทพหุ้นเสียงแตก FSS คาดทะยาน1,900 จุด -เคจีไอ-กรุงศรี มองผันผวน

830




 
 
 

HotNews: ส่อง SET  มี.ค.
3 เทพหุ้นเสียงแตก
FSS คาดทะยาน1,900 จุด
-เคจีไอ-กรุงศรี  มองผันผวน

  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  2 มีนาคม   2561)--------  ส่อง SET  มี.ค.3 เทพหุ้นเสียงแตก FSS คาดทะยาน1,900 จุดในระยะ 2 เดือนนี้     เปิดสถิติตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สถิติในช่วง 7 ปีชี้ว่าตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สดใสต่อเนื่องไปถึง เม.ย. โดยเดือน มี.ค. SET เฉลี่ย +2.3%     ชู ดาวเด่น ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC    
ด้านเคจีไอ มองผันผวน  จากความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาคในตลาดโลก ทั้งจากประเด็นการเลือกตั้งในอิตาลี และการประชุม FOMC   ส่วนกรุงศรีคาด SET Index เคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,780 -1,880 จุด เพื่อสร้างฐานเหมือนกับเดือน ก.พ. รอความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนครั้งการปรับขึ้นอ้ตราดอกเบี้ยของเฟด

บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า SET Index เดือน ก.พ. เคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน Set Index ร่วงแรงกว่า 69 จุด (-3.8%) ท่าสถิติต่่าสุดของเดือนที่ระดับ 1,758 จุด เนื่องจากกังวลเฟดเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี (Bond yield) ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.9% สูงสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามดัชนีค่อยๆฟื้นตัว และพุ่งแรงในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานตอบรับราคาน้่ามันดิบกับมาฟื้นตัวและผลประกอบการ 4Q17 ออกมาดีเกินคาด ประกอบกับ PTT มีแรงเก็งก่าไรข่าวประกาศแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ต่อหุ้น ส่งผลให้ SET Index ปิด ณ สิ้นวันที่ 28 ก.พ.ที่ระดับ 1,830 จุด เพิ่มขึ้น 3 จุด (+0.2%mom) แต่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยชะลอตัวเป็น 66,463 ล้านบาท ลดลง 13.5%mom นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 พร้อมกับแรงขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 41,382 ล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 5,699 ล้านบาท
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 80 จาก 79.2 ในเดือน ธ.ค. ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี
สภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 4/17 ขยายตัว 4% ลดลงจาก 4.3%ในไตรมาส 3/17 และต่่ากว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 4.3% เป็นผลจากโครงกาลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐล่าช้า
สนช.ลงมติไม่เห็นชอบกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ทั้ง 7 คน ส่งผลให้กระบวนการคัดเลือกจะต้องกลับไม่เริ่มนับ 1 ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่่ากว่า 155 วัน
สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้น 2 แสนต่าแหน่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 แสนตำแหน่ง
ค่าแรงต่อชั่วโมงโดยของสหรัฐเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.9% สูงสุดในรอบ 9 ปี ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะเร่งตัวขึ้น
วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณบริหารประเทศไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค. (ยุติ US Shutdown ครั้งที่ 2 ไว้ที่ 6 ชั่วโมง)
FED และ BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% และ +0.5% ตามเดิม ตามล่าดับ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 มี.ค.ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินยุโรป(ECB)
16 มี.ค.ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินญีปุ่น (BoJ.)
20-21 มี.ค.ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (FED)
28 มี.ค.ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไทย (กนง.)
****แนวโน้มตลาดหุ้นเดือน มี.ค. 2018 : พักตัวในกรอบ1,780-1,880****
เรามีมุมมองเป็นกลาง คาด SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1,780 -1,880 จุด เพื่อสร้างฐานเหมือนกับเดือน ก.พ. รอความชัดเจนเกี่ยวกับจ่านวนครั้งในการปรับขึ้นอ้ตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะประชุมกันในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. ท่าให้โอกาสที่ Fund Flow ต่างชาติ หรือ new money จะกลับมาไหลเข้าเป็นไปอย่างจ่ากัด และท่าให้โอกาสที่ SET จะปรับขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนเดือน ม.ค.เป็นไปได้น้อย เพราะเม็ดเงินที่อยู่ในตลาดเป็นเพียงการหมุนกลุ่มลงทุนของนักลงทุนในประเทศ ซึ่งเดือนนี้จะเห็นการ Allocateหรือ Switch การลงทุนจากหุ้นที่ Upside จ่ากัด ไปยังหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ Valuation ยังไม่แพงมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์เดือนนี้ จึงเน้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยมี Top Pick เดือน มี.ค. คือ BANPU (ซื้อ/เป้า 28), BBL(ซื้อ/เป้า 240 ), HTC(ซื้อ/เป้า 35), IVL(ซื้อ/เป้า 70) และ TKN (ซื้อ/เป้า 24)
จานวนครั้งการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังไม่ชัดเจน กดดันตลาดอีกในเดือน มี.ค. : เรามองข้ามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมในช่วงวันที่ 20 - 21 มี.ค. เพราะเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1.75% แต่เราเริ่มไม่มั่นใจกับจ่านวนครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ หลังจากที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ส่งสัญญาณว่า เฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการลงมติของคณะกรรมการเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง Dot plot หรือจ่านวนครั้งในการขึ้นดอกเบี้ยไปจากเดิมหรือไม่ หากมีการปรับขึ้นจ่านวนครั้งจาก 3 เป็น 4 ครั้ง จะท่าให้ตลาดเกิดความผันผวนอีกครั้ง และท่าให้โอกาสที่ Fund Flow ต่างชาติ หรือ New Money จะไหลกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความเป็นไปได้น้อยลง ท่าให้โอกาสที่ SET จะปรับขึ้นอย่างร้อนแรงเหมือนเดือน ม.ค.มีความเป็นไปได้น้อยเช่นกัน
การเมืองกลับมาชัดเจนคาดช่วยประคองดัชนี : การเลื่อนบังคับใช้กฏหมายลูกออกไปหลังประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา 90 วันรวมถึงการลงมติไม่เห็นชอบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชุดใหม่ ท่าให้ตลาดวิตกกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ แต่ภายหลังที่นายกฯออกมายืนยันถึงไทม์ไลน์การเลือกตั้งที่ยังเหมือนเดิม และให้ค่ามั่นสัญญาว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช้าสุดไม่เกินเดือน ก.พ.ปีหน้า ช่วยคลายกังวลให้กับตลาดและดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา เรามองเป็นปัจจัยบวกหลักที่จะช่วยประคองหุ้นไม่ให้ลดลงแรง โดยปัจจุบันขั้นตอนการจัดท่ากฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.คาดว่า สนช.จะด่าเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค.61 จากนั้นจะน่าขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัย 3 เดือน หรือ ราวเดือน มิ.ย.61 แล้วจึงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้หลังจากนั้น 90 วัน แล้วค่อยเริ่มนับ 1 ไปสู่วันเลือกตั้ง ตามกฏหมายระบุไว้ว่าหลังกฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นั่นหมายความว่าการเลือกตั้งของไทยจะอยู่ในช่วงเดือน ก.ย.61 และช้าสุดไม่เกิน ก.พ.62
พอร์ตการลงทุนเดือน ก.พ. ให้ผลตอบแทน 3.9% ชนะตลาดที่ให้ผลตอบแทน 0.2% : เดือน ก.พ. หุ้นในพอร์ตการลงทุนทั้งหมด 5 หลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนรวม 3.9% ชนะตลาดที่ให้ผลตอบแทน 0.2% โดย AEONTS ให้ผลตอบแทนมากที่สุด 20.3% ตามด้วย HTC, ให้ผลตอบแทน 9.2% ส่วน CENTEL, BCH และ SEAFCO ให้ผลตอบแทนน่าผิดหวังติดลบ -1%, -1.9% และ -7% ตามล่าดับ
กลยุทธ์การลงทุนเดือนนี้ : มอง SET ยังพักฐานเน้น Selective หุ้นรายตัว : Top Pick เดือนนี้เราคงหุ้น HTC ไว้ตามเดิม แต่ถอดAEONTS ที่ upside จ่ากัด และ BCH CENTEL SEAFCO ที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ออก เลือกหุ้น BANPU BBL IVL TKN เข้ามาแทนส่งผลให้พอร์ตเดือน ก.พ.เป็น BANPU (ซื้อ/เป้า 28), BBL(ซื้อ/เป้า240), HTC(ซื้อ/เป้า 35), IVL(ซื้อ/เป้า 70) และ TKN (ซื้อ/เป้า 24)

BANPU (ซื้อ/เป้า 28 บาท): ยักษ์หลับที่พร้อมกลับมานาตลาด
BANPU เป็นหุ้น Big Cap ที่ถูกลืมไปนานเนื่องจากมีแรงกดดันจากการฟ้องร้องในคดีหงสา
ทุกอย่างจะเคลียร์เมื่อทราบค่าตัดสิน (6 มี.ค.) Valuation และราคาหุ้นจะกลับสู่พื้นฐานของผลก่าไรที่บริษัทท่าได้จริง
ฐานก่าไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท (EPS 2.8) ตั้งแต่ปีนี้ จากแรงส่งของธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้าที่โตต่อเนื่อง
มี P/E ซื้อขายต่่าเพียง 8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มถ่านหินที่ 10 เท่า และต่่ากว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม Big Cap ในไทยซึ่งส่วนใหญ่มี P/E ซื้อขายเกิน 10 เท่า ท่าให้ราคาหุ้น BANPU ยังมี Upside ที่จะปรับขึ้นไปซื้อขายที่ระดับ P/E เฉลี่ยของกลุ่ม
HTC (ซื้อ/เป้า 35 บาท) : Top Pick กลุ่มเครื่องดื่ม
เรามองว่า HTC เป็นผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการที่ภาครัฐประกาศลอยตัวราคาน้่าตาล
โดยทุกๆ 1 บาทที่ราคาน้่าตาลในประเทศลดลงจะเพิ่มก่าไรให้กับ HTC ประมาณ 60 ล้านบาท (ต้นทุนน้่าตาลคิดเป็น 35% ของ Total cost) คาดก่าไรสุทธิปีนี้ประมาณ 384 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41%yoy
Valuation ยังถูก ซื้อขายบน PE ต่่าเพียง 12 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 22 เท่า นอกจากนี้ HTC ยังมีปันผลจ่ายและให้ Dividend yield ประมาณ 4-5%ต่อปี
มี growth story ในอนาคตจากการเพิ่มราคาขายต่อขวด และ การรับกระจายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายอื่น จาก net work ที่แข็งแกร่งเพราะครองส่วนแบ่งการตลาดในภาคใต้มากที่สุดกว่า 80%
IVL (ซื้อ/เป้า 70) : โมเมนตัมของกาไรยังไม่จบ
โมเมนตัมของผลก่าไรที่แข็งแกร่งยังไม่จบ คาด 1Q18 โตต่อจากแรงหนุนของ Spread PTA ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็น 125$/ton เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2017 ที่ 100$/ton
ยังมีข่าวดีจากการประกาศเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในช่วงปลาย 1Q18 เป็นอีกหนึ่ง upside ให้ IVL ในปีนี้
ราคาหุ้น IVL เคยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60 บาทในปี 2010 โดยมี Capacity รวมเพียง 3 ล้านตัน แต่ปัจจุบัน IVL มีก่าลังการผลิตเพิ่มเป็น 10 ล้านตันแต่ราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนผลบวกดังกล่าว
TKN (ซื้อ/เป้า 24 บาท) : คาดผลกาไรผ่านจุดต่าสุดแล้ว
ยอดขายปี 17 ท่าสถิติ New high เติบโต 12%yoy ครอง Market share ในประเทศ อันดับ 1 ที่ 72%
ตั้งเป้าเติบโตในจีนต่อเนื่องจากการเปิด official website ส่าหรับ e-commerce และ Flagship store ในช่วง 1Q18 รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมต่อยอดการผลิตขนมขบเคี้ยวนอกเหนือสาหร่ายจากการ Joint Venture กับ Maruesu group ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวของญี่ปุ่นเจรจากับ Supplier เพื่อลดต้นทุนราคาวัตถุดิบลงอีก 5-10% รวมถึงได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของค่าเงินบาทราคาหุ้นปรับตัวลงสะท้อนผลก่าไรปี 17 เรียบร้อยแล้ว คาดยอดขายเติบโตแข็งแกร่งหนุนก่าไรของ TKN เติบโต 28% ต่อปี (3-Yrs CAGR FY17-FY20F)


บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า  มุมมองตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สถิติในช่วง 7 ปีชี้ว่าตลาดหุ้นเดือน มี.ค. สดใสและต่อเนื่องไปถึง เม.ย. โดยเดือน มี.ค. SET เฉลี่ย +2.3% M-M นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อหลักและเป็นเดือนที่ซื้อมากที่สุดใน 1Q สวนทางสถาบันในประเทศที่ชะลอการซื้อ เราเชื่อว่าสถิติมีโอกาสซ้ำรอยเพราะเศรษฐกิจในประเทศฟื้นชัดเจน  กำไรบจ.อยู่ในทิศทางที่ดี ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง ต่างชาติไม่ได้สะสมหุ้นไทยอยู่แล้วตั้งแต่ต้นปี และถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด หุ้นโลกน่าจะปรับขึ้นเพราะถือว่ามีความชัดเจน SET Target ของเราที่ 1,900 จุดมีโอกาสได้เห็นในระยะ 2 เดือนนี้ การอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสม เดือนนี้แนะนำ ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC    


บล.เคจีไอ ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังผันผวนในเดือนมีนาคม เนื่องจากความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาคในตลาดโลก ทั้งจากประเด็นการเลือกตั้งในอิตาลี และการประชุม FOMC ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในช่วงครึ่งแรกของเดือน แต่หลังเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านพ้นไปแล้ว ตลาดหุ้นน่าจะเริ่มฟื้นได้จากความชัดเจนในประเด็นการเมือง และกรอบเวลาการจัดการเลือกตั้งของไทย ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นเมื่อราคาลดลงในเดือนนี้ โดยหุ้นเด่นของเราในเดือนนี้เป็นการผสมผสานระหว่างหุ้น domestic play ที่ยังปรับขึ้นไม่มาก และหุ้นปันผลดี ได้แก่ AMATA*, BJC*, COM7*, CPALL*, WORK*, GLOW และ TISCO*
หุ้นแนะนำ มี.ค. เน้นหุ้นพื้นฐานเด่นที่ยังปรับขึ้นไม่มาก  
พอร์ตหุ้นแนะนำ ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.9% ซึ่งดีกว่า SET Index  เล็กน้อย
ผลตอบแทนจากพอร์ตหุ้นของเราในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 0.9% ซึ่งแม้จะไม่น่าประทับใจ แต่ก็ยังดีกว่า SET Index เล็กน้อย โดยในเดือนที่ผ่านมาเกิดการปรับตัวแบบ 'bull market correction' ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลสะเทือนต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยด้วย โดยในบรรดาหุ้นในพอร์ตที่เราเลือก มีเพียงแค่ IRPC* และ COM7* ที่ให้ผลตอบแทนดี โดยอยู่ที่ 14.2% (รวมปันผล 0.29 บาท/หุ้นแล้ว) และ 10.9% ตามลำดับ ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ที่เราเลือกยังไม่มีอะไรหวือหวา หรือไม่ก็น่าผิดหวัง โดย AMATA* และ WHA* ปรับตัว sideways down จากปัจจัยถ่วงทางการเมือง เนื่องจากการเลื่อนเลือกตั้งไปหักล้างผลบวกจากการที่ สนช. อนุมัติ พรบ. EEC ในขณะที่ หุ้น LH* ปรับตัวลดลงถึง 5.2% ในเดือนกุมภาพันธ์จากข่าวที่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ได้แก่การที่ GIC ของสิงคโปร์ได้ขายหุ้นออกมาที่ราคา 10.90 บาท ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี 2561 พอร์ตหุ้นแนะนำให้ผลตอบแทน 7.0% สูงกว่า SET Index ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.4%

มุมมองตลาดเดือน มี.ค. ยังผันผวนตามหุ้นโลก แต่น่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของเดือน
ในเดือนมีนาคม เราคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยด้วย น่าจะยังคงผันผวน ตามกระแสเงินลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของเดือน เนื่องจากปัจจัยมหภาคจากภายนอกบางตัว อ่างเช่น การเลือกตั้งของอิตาลีในปลายสัปดาห์หน้า และการประชุม FOMC ของสหรัฐในวันที่ 21 มีนาคม และระหว่างสองเหตุการณ์นี้ ก็ยังจะมีการประกาศตัวเลขค่าจ้างของสหรัฐในวันที่ 9 มีนาคม ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้  ในขณะเดียวกัน เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ตลาดอาจจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งหลังของเดือนมีนาคม เมื่อปัจจัยมหภาคต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับปัจจัยในประเทศ เรามองว่าราคาหุ้นค่อนข้างตึง หลังจากที่ดัชนีดีดตัวกลับขึ้นมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่การเพิ่มประมาณการ EPS น่าจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจาก GDP ในไตรมาส 4/60 ต่ำกว่าที่ประเมิน

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: ผสมผสานระหว่างหุ้น domestic play ที่ยังปรับขึ้นไม่มาก และหุ้นปันผลดี 
เรายังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อพลวัตรของปัจจัยมหภาคในตลาดโลกในช่วงครึ่งแรกของเดือน และ จากข้อเท็จจริงที่ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานที่เราดูแลอยูส่วนใหญ่วิ่งแซงราคาเป้าหมายของเราไปแล้ว เราจึงเลือกที่จะเกาะอยู่กับหุ้น domestic plays ในเดือนมีนาคม โดยเฉพาะกลุ่มที่อ่อนไหวต่อกระแสข่าวเรื่องการเลือกตั้งของไทย เพราะเราเชื่อว่าในช่วงเดือนนี้จะมีรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีและกำหนดเวลาที่ คสช. จะอนุญาตให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และน่าจะมีการให้ช่วงเวลาที่จะเริ่มมีการทำกิจกรรมทางการเมืองได้ นอกจากนี้ เรายังคงแนะนำหุ้นปันผลดีบางตัวเพื่อถ่วงดุลพอร์ตหุ้น ในกรณีที่แรงกระเพื่อมจากภายนอกแรงกว่าที่เราคาดไว้ โดยหุ้นเด่นของเราในเดือนนี้ได้แก่ AMATA*, BJC*, COM7*, CPALL*, WORK*, GLOW และ TISCO*

        
-----จบ----- 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

กังวล By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม นักลงทุน ยังคงมีความกังวลใจต่อ สถานการณ์ตะวันออกลาง จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เพิ่มเติมใหม่หรือไม่ ....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้