สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 สิงหาคม 2566)------- นายสุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน)RJH เปิดเผยว่า รายได้รวมจากกิจการโรงพยาบาลสำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ที่ 544.6 ล้านบาท โดยลดลงจากไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว 48%และหากเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้ลดลง 3% โดยมีอัตราส่วนรายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไปและรายได้จากประกันสังคมอยู่ที่ 52:48

ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ประกันสังคม รวม 285.7 ล้านบาท ลดลงถึง 66% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของป๊ก่อน เนื่องจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วนั้นยังมีรายได้จากโรคโควิด 19 จำนวน 602.4 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในไตรมาสนี้มีการปรับลดรายได้โควิด 19 ในปีก่อนที่บันทึกสูงเกินไปจำนวน 5 ล้านบาท ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด 19 พบว่ารายได้จากผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 153.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และรายได้เฉลี่ยต่อราย เพิ่มขึ้น จากระดับ 1,700 บาทต่อราย เป็นประมาณ 2,000 บาทต่อราย หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้จากผู้ป่วยนอกลดลงเพียง 1%โดยทั้งจำนวนผู้ป่วยและรายได้เฉลี่ยต่อรายเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก

ขณะที่รายได้ผู้ป่วยในอยู่ที่ 137.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปีที่แล้ว สำหรับผู้ป่วยในมีอัตราการครองเตียงอยู่ที่ 52% เพิ่มขึ้นจาก 44% ในตรมาส 2 ปีที่แล้ว เนื่องจากคนไข้ได้กลับมาใช้บริการ หลังจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ดีขึ้น สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อรายประมาณ 48,000 บาท ลดลงจาก 50,000 บาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสัดส่วนของเคสเด็กที่มากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้ผู้ป่วยในลดลง 9% เนื่องจากไตรมาสองโดยทั่วไปเป็นช่วง low season ของธุรกิจโรงพยาบาล ปรากฎว่าทั้งจำนวนผู้ป่วยและรายได้เฉลี่ยต่อรายลดลง

ส่วนรายได้ประกันสังคมมีรายได้ 258.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้เหมาจ่ายรายหัวและรายได้จากการรักษาโรคซับซ้อน (Adjusted RW) และรายได้ค่าอุปกรณ์ การเติบโตของรายได้เหมาจ่ายมาจากทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ประกันตนและอัตราเหมาจ่าย ผู้ประกันตนเฉลี่ยทั้งกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นจากประมาณ 209,800 รายในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 212,600 ราย และอัตราเหมาจ่ายก็เพิ่มขึ้น 168 บาทต่อรายต่อปีตั้งแต่ พ.ค 2566 นอกจากนี้ การเพิ่มอัตราจ่ายสำหรับการผ่าตัด 5 รายการ (จาก 12,000 บาทเป็น 15,000 บาทต่อแต้มDRG) ประกอบกับกาผ่าตัดเคสซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการรักษาโรคซับซ้อนและรายได้ค่าอุปกรณ์มากขึ้น

กำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 93.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 17% ลดลงทั้งจำนวนเงินและอัตรากำไร กำไรสุทธิลดลงถึง78% หลังจากที่ไม่มีรายได้จากโควิด และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิลดลง 12% ซึ่งเป็นผลจาก low-season

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (งวดดำเนินงานวันที่ 01 ม.ค. 2566 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 และกำไรสะสม) ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 18 ส.ค. 2566 และมีกำหนดจ่ายวันที่ 31 ส.ค. 2566

/////จบ/////