สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 21 กุมภาพันธ์ 2566)---RJH เผยงบรวมปี 65 กำไรสุทธิ 1.02 พันลบ. จากปีก่อนกำไรสุทธิ 1.01 พันลบ. เคาะปันผลอัตรา 0.50 บาท/หุ้น XD 3 มี.ค. 66 ด้านโบรกฯ คาดปี66 หดตัว -61% เพราะเข้าสู่การลงทุนรอบใหม่ 2 แห่ง คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 31 บาท

บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) RJH รายงานผลประกอบการปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,029 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,011 ล้านบาท

นายแพทย์สุรินทร์ ประสิทธิ์หิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) RJH เปิดเผยว่า รายไดร้วมจากกจิการโรงพยาบาลสําหรับไตรมาส 4 ปี 2565 คือ 545.70 ล้านบาท โดยแบ่ง รายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไปอยู่ที่ 284.99 ล้านบาท และ รายได้จากประกันสังคม 260.71 ล้านบาท รายไดจ้ากการรักษาพยาบาลทั่วไป ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 60% เนื่องมาจากไม่มีรายได้จาก โควิด-19 ส่วนรายได้จากประกันสังคม เพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

รายได้ผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 158.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.33% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้ผู้ป่วยในอยู่ที่ 140.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.34% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อน จํานวนผู้ปวยนอกเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวนั้นลดลงเล็กน้อยที่ประมาณ 3% ลงมาอยู่ที่ประมาณ 1,900 บาทต่อราย

ส่วนจํานวนผู้ป่วยในนั้นเพิ่มขึ้น 8% และรายได้เฉลี่ยต่อหัวลดลงประมาณ 3% เช่นกัน เป็นรายได้ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 54,000 บาทในไตรมาส 4 ของปีนี้ อัตราครองเตียงในไตรมาสนี้ ประมาณ 48% ใกล้เคียงกับปีก่อน

ส่วนรายได้ที่เกี่ยวกับโรคโควดิ-19 นั้นไม่ปรากฎในไตรมาสนี้ สอดคล้องกับนโยบายการประกาศเป็นโรคประจําถิ่นของภาครัฐและการหยุดฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์น่าไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3

ส่วนรายได้ประกันสังคม ทางกลุ่มบริษัทมีผู้ประกันตนมากกว่า 212,600 ราย เพิ่มขึ้นจาก 202,900 รายในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5% การเพิ่มขึ้นของจํานวนผู้ประกันตนทําให้ทางกลุ่มบริษัทมีรายรับค่าบริการเหมาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น87.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 83.2 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ในไตรมาสนี้มีการผ่าตัดเพิ่มขึ้นส่งผลให้ทั้งรายได้Adjusted RW>2 และ รายได้ค่าอุปกรณ์ เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ มีรายได้พิเศษจากการบันทึกรายได้โรคเรื้อรังในปีก่อนตํ่าเกินไปจํานวน 16 ล้านบาท กล่าวโดยสรุปรายได้ประกันสังคมนั้นอยู่ที่260.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่ว งเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 48% ของรายได้กิจการโรงพยาบาลทั้งหมด

กลุ่มบริษัทมีรายได้อื่นๆที่ไม่ได้มาจากกิจการโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 8.35 ล้านบาท ลดลงจาก 10.18 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากเงินปันผล

ด้านกําไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 34.03 ล้านบาท ลดลงถึง 88% โดยอัตรากําไรสุทธิ หดตัวลงจาก 30.9% ของรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เหลือ 6.1% ของรายได้ในปีนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะโครงสร้างรายได้ที่ไม่มีรายการจากโรคโควิด-19 ประกอบกับค่าใช้ค่ายพิเศษจากการตัดจําหน่ายรายได้ค้างรับ Adjusted RW

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติ อนุมัติจ่าย ปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 01 ก.ค. 2565 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ในอัตรา 0.50 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 3 มี.ค. 66 และกำหนดจ่ายปันผล 23 พ.ค. 66

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า RJH รายงานกำไรสุทธิ 4Q22 ลดลง -88%YoY และ -66%QoQ เป็ น 34 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้7%/6%หากไม่รวมรายการพิเศษ คือ สำรองจาก high-cost care 34 ล้านบาท จะมี Norm profit 68 ล้านบาท ลดลง -76%YoY, -32%QoQ เพราะรายได้ลด -40%YoY และ EBITDA margin แคบลงเป็น 19.4% จาก 41.9% ใน 4Q21และ 26.0% ใน 3Q22ซึ่งเป็นผลจากรายได้โควิดที่มาร์จิ้นสูงมากลดลงอย่างไรก็ดี รายได้คนไข้ประกันสังคม 4Q22 เพิ่มขึ้น +30%YoY เพราะมีผู้ลงทะเบียนประกันตนกับร.พ.มากขึ้นเป็น212,600 ราย (+5%YoY และทรงตัว QoQ)

สำหรับปี 22 มีกำไรสุทธิ 1.03 พันล้านบาท เติบโต +2% ทำ Record highโดยมาจากรายได้โต +8% (หลักๆ มาจากรายได้บริการโควิด) ส่วน EBITDA margin ลดเป็น 44% จาก 46% ในปี 21

ประกาศจ่ายปันผล 2H22 เท่ากับ 0.50 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 มี.ค.23จ่ายปันผล 23 พ.ค.23

แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q23F คาดว่าจะลด YoY จากฐานสูง (ช่วงนั้นมีรายได้ที่เกี่ยวกับโควิดมาก) แต่ดีขึ้น QoQเพราะฐานกำไรสุทธิ 4Q22 ต่ำมาก

คาดการณ์กำไรสุทธิปี 23F หดตัว -61% และทรงตัวในปี 24F เพราะเข้าสู่การลงทุนรอบใหม่ 2 แห่ง (ร.พ.ราชธานีที่หนองแค และที่ชลบุรี) ด้าน GPM กลับสู่ระดับปกติ และ SGA/รายได้เพิ่มสู่ระดับก่อนโควิด ผนวกกับการปรับขึ้นเงินเดือนตามเงินเฟ้อ

คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 31 บาท (วิธี DCF, WACC 8.8%, TG 2%) ทั้งนี้เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 23F-24F ลง 7%/10% สะท้อนอัตรากำไรที่ต่ำลงจากเดิม

----จบ---