สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 กรกฏาคม 2564)-----บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA รายงานไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 1,655 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.33 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,021 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.62 บาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,412 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.74 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,877 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.31 บาท โดยกำไรครึ่งแรกปี64 ยังโต 18.59% หลัง กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น14.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากยอดขายกลุ่มโซลูชั่นสหรับยานยนต์ไฟฟ้าโตแรง

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสสอง (เม.ย. – มิ.ย.) ของปี2564 ตามงบการเงินรวมฉบบั สอบทานสิ้นสุดวนั ที่30 มิถุนายน 2564โดยสรุปดังนี้

ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 20,640ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.2จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของลูกค้าในกลุ่มโซลูชั่นสหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) ที่เพิ่มขึ้นสูงซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวจากสถานการณ์Covid ของตลาดผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญ เช่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์Cloud Storage และ Data Center

กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้มีจำนวน 4,459ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.1จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่นเป็นไตรมาสที่6 ติดต่อกันจากกลุ่มธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 2,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 14.6จากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขนอย่างมาก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาในยุโรป

กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้มีจำนวน 1,329ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น ส่วนกำ ไรสุทธิในไตรมาสนี้มีจำนวน 1,655ล้านบาท ลดลงร้อยละ17.9จากไตรมาสเดียวกนัของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.33 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 1.62 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพยร์วมทั้งสิ้น 63,125ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3จาก ณ วันที่ 31ธันวาคม 2563โดยมีการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพยร์ายการหลัก ดังนี้

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจ านวน 8,573ล้านบาท ลดลง 5,309ล้านบาทหรือร้อยละ 38.2 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่31 ธันวาคม 2563 เนื่องจากการลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างอาคารโรงงานและติดต้งัเครื่องจกัรใหม่ในประเทศไทยและอินเดียรวมถึงการจ่ายเงินปันผลจำนวน 4,116ล้านบาทลูกหนี้การค้าสุทธิและลูกหนี้อื่น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจำนวน 18,189ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,192ล้านบาทหรือร้อยละ 29.9 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

สินค้าคงเหลือสุทธิ( ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564) มีจำนวน 17,146ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4,491ล้านบาทหรือร้อยละ 35.5 เมื่อเทียบกบัยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบ ซึ่งเป็นผลมาจากความตอ้งการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์กำลังและระบบ(Power & Systems) รวมถึงกลุ่มโซลูชั่นสำ หรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions)ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจ านวน 15,298ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,574ล้านบาทหรือร้อยละ 20.2 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563จากการที่บริษัทและบริษัทย่อยได้จัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยและทางตอนใต้ของอินเดีย

ขณะที่หนี้สินรวมณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 25,398ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,787ล้านบาทหรือร้อยละ 29.5 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562โดยส่วนใหญ่มาจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นเพิ่มขึ้นส่วนของผู้ถือหุ้น

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้น รวมจำนวน 37,726ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119ล้านบาท หรือร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรในครึ่งปีแรกของปีนี้หักด้วยเงินปันผลในปีที่แล้ว

---จบ---