Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews:PTG ใส่เกียร์ขยายธุรกิจ ดัน EBITDA ปีนี้โต 10- 15% /EPG โชว์ปี 63/64 กำไรโต 22% พร้อมปันผล 0.19 บาทต่อหุ้น

4,183

 

PTG ประเมินผลงาน H2/64 โตสวย
พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง คงเป้า EBITDA ปีนี้โต 10- 15%


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าภาพรวมผลประกอบการในครึ่งปีหลัง2564 จะเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่าการกระจายวัคซีนน่าจะมากขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายไปได้ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลต่อดียอดขาย ขณะที่แผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 4,000 – 4,500 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส1/64 บริษัทฯ ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 451 ล้านบาท โดยการขยายธุรกิจในไตรมาส2/64 ตลอดจนครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ จะขยายทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจ Non-Oil โดยในส่วนของการขยายจำนวนสาขาแบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG 100 –150 สาขา สาขาธุรกิจ Non-Oilจำนวน 120 สาขา ด้วยเป้าหมายจำนวน Touchpointsรวมทั้งสิ้น 3,160 สาขา โดยแบ่งเป็น สถานีบริการน้ำมัน 2,030 สาขา สถานีบริการ LPG และ Mix 260 สาขา จำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil รวม 870 สาขา ภายในปี 2564 โดยเน้นการขยายสาขาไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพ และโอกาสในการเติบโตในธุรกิจสูง

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คงประมาณการเติบโต EBITDA ปีนี้ไว้ที่ 10- 15% และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 8 - 12% และประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ไว้ที่ มากกว่า 100% จากการเข้ามาสู่ธุรกิจ LPG ครัวเรือนและอุตสาหกรรมในปี 2563 ในส่วนของธุรกิจ Palm Complex พีทีจียังคงเป้าหมายการรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรสุทธิอยู่ที่ 240 - 260 ล้านบาทต่อปี


นอกจากนี้ประเมินค่าการตลาดทั้งปี 64 จะอยู่ที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร


อนึ่ง ไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 531.37 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.32 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 203.28 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาททั้งนี้กำไรสุทธิเติบโต 159.9% จากปี ที่แล้ว จากปริมาณการขายที่เติบโตขึ้น ค่าการตลาดที่อยู่ในระดับที่เหมาะสม และนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่เข้มงวดด้านรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 32,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากไตรมาสเดียวกันของปี ที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 16.4% จากไตรมาสที่แล้ว จากปริมาณการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น

 

 


EPG โชว์ผลประกอบการปีบัญชี 63/64 เติบโตสดใส กำไรสุทธิ 1,221 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%
เตรียมจ่ายเงินปันผล 0.19 บาทต่อหุ้น เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 23 ก.ค. นี้


รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่าปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย.63 - 31 มี.ค.64) นับเป็นปีที่ท้าทายในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตของประชาชน ภาครัฐในหลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจและออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้น เช่น การนำนโยบายลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือ นโยบาย "USE" มาใช้บริหารงานภายในองค์กร ("USE" U: Utilization ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า/ S:Save ประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกด้าน) และมีการรักษาสภาพคล่องและสถานะทางการเงิน มีการทบทวนแผนการลงทุน รวมถึงมีการใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการบรรเทาผลกระทบที่ได้จากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด


สำหรับผลการดำเนินงานปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย.63 - 31 มี.ค.64) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 9,569.2 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 10,217.4 ล้านบาท จำนวน 648.2 ล้านบาท หรือ ปรับตัวลดลง 6.3% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.2% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีกำไรสุทธิ 1,221.2 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 999.3 ล้านบาท จำนวน 221.9 ล้านบาท หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.2% โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 46.7% AEROFLEX 27.5% และ EPP 25.8% เป็นผลมาจากการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้


ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขายรวม 2,626 ล้านบาท หรือลดลง 12.8% จากปีก่อน ยอดขายในประเทศยังเติบโตช้าตามการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากภาคเอกชนยังคงชะลอการลงทุน อีกทั้ง เกิดความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ยอดขายตลาดในสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้นเทียบกับปีก่อน ส่วนยอดขายในเอเชียทยอยฟื้นตัว


ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขายรวม 4,471.4 ล้านบาท หรือลดลง 5.4% จากปีก่อน ยอดขายกลุ่มบริษัทแอร์โรคลาส ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มากที่สุดในช่วงไตรมาสแรกของปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 63) ส่งผลให้กลุ่มลูกค้า OEM ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในประเทศประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค. ถึง พ.ค. 63 อีกทั้ง กลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการซื้อลดลง รวมถึงความล่าช้าจากกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่เมื่อสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้น กลุ่มบริษัทแอร์โรคลาส สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับกับความต้องการยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศทำให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในปีบัญชีก่อนหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน


สำหรับธุรกิจในประเทศออสเตรเลียมียอดขายชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนออสเตรเลียนิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น อีกทั้งเริ่มเห็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างมากจากการบริหารจัดการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย และสร้างเสริม Synergy ระหว่างธุรกิจ

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขายรวม 2,471.9 ล้านบาท หรือลดลง 0.3% จากปีก่อน แม้ว่าบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด จะได้รับผลกระทบจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศลดลง จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่อย่างไรก็ตามบริษัทได้รับประโยชน์จากยอดขายของบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal) ที่นิยมสั่งอาหารแบบจัดส่งถึงที่ (Delivery) หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น อีกทั้งได้รับประโยชน์จากมาตรการภาครัฐเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

ในปีบัญชีนี้บริษัทมีรายได้อื่นที่ 158.5 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทย่อยตั้งอยู่ ภายใต้โครงการสนับสนุนการจ้างงานของกิจการ (Jobs Keeper Program)ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 9.1% จากปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และการบริหารจัดการให้ต้นทุนในการผลิตลดลง มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 6% จากปีก่อน ซึ่งบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 92.6 ล้านบาท ลดลง 27% เนื่องจากบริษัทได้รับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ในไตรมาสแรกของปีบัญชี 63/64 (1 เม.ย. - 30 มิ.ย.63) จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าฟื้นตัวต่อเนื่องภายในปีบัญชีจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น

รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 64 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท (สิบเก้าสตางค์) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 532 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 64 ในวันที่ 23 ก.ค. 64 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 4 ส.ค. 64 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 20 ส.ค. 64

"ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.63 บริษัท ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.09 บาท หากรวมกับการปันผลในครั้งนี้อีก 0.19 บาทต่อหุ้น จะทำให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.28 บาทต่อหุ้น" รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

 

---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้