Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : LEO โชว์ Q4/63 กำไรพุ่งนิวไฮ เคาะปันผล 0.07 บาท / SSP ปี 63 กำไรโตแรง-เคาะปันผลเป็น หุ้น-เงินสด พร้อมแจกวอร์แรนต์

3,627


HotNews: LEO โชว์ Q4/63 กำไรพุ่งนิวไฮ เคาะปันผล0.07 บาท / SSP ปี 63 กำไรโตแรง-เคาะปันผลเป็นหุ้น-เงินสด พร้อมแจกวอร์แรนต์

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 1 มีนาคม 2564) บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ฟอร์มดีกำไร Q4 ปี63 พุ่ง 95.8% จากปีก่อน รวมทั้งปีแตะ 57.8 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดนับแต่จัดตั้งบริษัทมา รับผลดีจากสถานการณ์โควิด-19 ดันค่าระวางทางเรือและอากาศยานสูงหนุนรายได้ทะลัก บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดตอบแทนผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมายรับสิทธิวันที่ 21 เม.ย. 64 พร้อมจ่ายวันที่ 7 พ.ค. 64 ฟาก"เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดแผนงานปี 64 เดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนการใช้เงินที่ได้มาจาก IPO เพื่อให้บริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างรายได้เพิ่มมั่นใจธุรกิจโลจิสติกส์ยังขยายตัวต่อเนื่อง จากธุรกรรมอีคอมเมิร์ซสดใส ผลักดันผลงานโตติดปีก

 

 

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/63 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ทำรายได้ กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิสูงกว่ารอบเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึง 95.8% โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 47 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 1,047.2 ล้านบาท

 

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกลุ่มฐานลูกค้าที่หลากหลายและสามารถบริการได้อย่างครบวงจรที่คลอบคลุมทั่วโลก ทำให้ได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากวิกฤตโควิด-19 การขนส่งสินค้าประเภท E-commerce/Electronics/Foods มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในปี 2563 กอปรกับปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างมากในช่วง Q4/63 จึงทำให้มีความต้องการในการจองพื้นที่สำหรับขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มสูงและอัตราค่าระวางก็สูงเพิ่มมากขึ้น

 

 

จึงทำให้บริษัทฯ มีโอกาสในการทำกำไรได้สูงขึ้น และสถานการณ์ดังกล่าวก็จะคงอยู่ต่อไปในปี 2564 และด้วยเหตุที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเริ่มมีการฉีดวัคซีน ทำให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูเหมือนกับจะถูกควบคุมได้ในระดับหนึ่ง และประเทศต่างๆก็ออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นผลทำให้ความต้องการในการบริโภคทั่วโลกสูงขึ้นอีกมากในปีนี้ และจะส่งผลให้ปริมาณการส่งออก นำเข้าทั่วโลกจะยังคงคึกคักจนถึงสิ้นปี 64 และลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตรเคมี และอุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ อีกกลุ่มหนึ่งที่มีการชะลอตัวไปในปี 63 เริ่มส่งสัญญาณว่าจะมีการส่งออกเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

 

 

"ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตมากขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซคึกคัก ความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯจึงได้รับผลดี และมองว่าแนวโน้มยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องได้ในระยะยาว" นายเกตติวิทย์ กล่าว

 

 

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2563 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท โดยกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 9 เมษายน 2564 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date)ในวันที่ 22 เมษายน 2564 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 7 พฤษภาคม 2564

 

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ในปี2564 คาดว่าจะยังสามารถรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่องประมาณ 20-25% เนื่องจากยังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตมากขึ้นในยุคนิวนอร์มอล และ demand การส่งออกสินค้าไปยังประเทศหลักๆ ใน ASIA USA และ EUROPE ยังคงมีเพิ่มขึ้น และการเติบโตดังกล่าวนี้ ยังไม่รวมรายได้จากแผนธุรกิจใหม่ตามแผนการใช้เงินที่ได้จาก IPO ที่ทุกโครงการมีความคืบหน้าอย่างมาก บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสรุปพื้นที่และเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่เพื่อเริ่มธุรกิจ Self Storage และ Container Depot ได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ และจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจและมีรายได้เข้ามาภายในปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ทั้ง 2 โครงการ รวมถึงการ M&A ธุรกิจภายในประเทศเพื่อมาต่อยอดธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศก็มีความคืบหน้าไปอย่างมาก

 

 

 

และคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในปีนี้ บริษัทฯประเมินว่า บริษัทฯใหม่ที่เกิดขึ้นจากการ M&Aจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มต่อปีประมาณ100-200 ล้านบาท และมีกำไรอย่างสม่ำเสมอโดยคาดว่าในปีนี้จะเห็นความชัดเจนของข้อตกลงซื้อ และควบรวมกิจการอย่างน้อย 1 บริษัท และในขณะนี้บริษัทฯก็ยังมีการพูดคุยเรื่อง M&A กับบริษัทภายในประเทศอีก 2-3 บริษัท หากทางบริษัทฯ สามารถสรุปได้ว่าเป็นบริษัทที่ดี มีโอกาสในการเติบโตสูงและทำกำไรอย่างต่อเนื่อง มีเงื่อนไขที่เหมาะสม และที่สำคัญคือสามารถมาต่อยอดกับธุรกิจและฐานลูกค้าของบริษัทฯได้ดี ก็อาจจะมี Surprise ของการ M&A บริษัทภายในประเทศที่มากกว่า 1 บริษัทในปีนี้

 

 

 

นอกจากนี้ กลยุทธ์ที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจจะเน้นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขัน ซึ่งจะไม่แข่งขันใน Red Ocean แต่จะหา Product Champion ที่อยู่ใน Blue Ocean ที่มีความเชี่ยวชาญและแข็งแกร่งเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้า สร้างความแตกต่างในการให้บริการ ขณะเดียวกันรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้ารายหลักของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ทั้งจัดกิจกรรม CRM และ CSR เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมถึง ใช้ Software และโปรแกรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการขายและให้บริการลูกค้า เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและลดต้นทุนให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย

 

 

 


ด้าน SSP อวดงบปี 63 อย่างเริ่ด! กำไรจากการดำเนินงานพุ่งแรง 696 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการ EBITDA โต 32.2% สะท้อนบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บิ๊กบอส "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์"มั่นใจปี 64 แรลลี่ต่อ จ่อ COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ขนาด 20 MW ใน Q 3/64 และโครงการพลังงานลมขนาด 48 MW ในเวียดนาม COD ใน Q 4/64 ดันกำลังการผลิตแตะ 200 MW หนุนรายได้-กำไร นิวไฮต่อเนื่อง บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.011111 บาท/หุ้น พร้อมแจก SSP-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 10 : 1 และ SSP-W2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 4 : 1

 

 

 

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2563 มีรายได้รวม 1,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 452 ล้านบาท หรือ 30.5% เทียบปี 2562 มีรายได้รวม 1,481.0 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 209 ล้านบาท หรือ 37.5% เทียบปี 2562 มีกำไรสุทธิ 557 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 1,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.2% สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

 

"รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2563 ได้รับปัจจัยหนุนจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯรับรู้รายได้จากโครงการเดิม และโครงการใหม่ Yamaga ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาในมือที่เพิ่มเป็น 143 เมกะวัตต์ เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 114เมกะวัตต์"นายวรุตม์ กล่าว

 

 

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศตามแผน โดยในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ จะเริ่ม จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 3 ปี 2564 และโครงการพลังงานลมขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม จะเริ่ม COD ในไตรมาส 4 ปี 2564

 

 

"ในปีนี้หลังจากที่เรา COD โรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น และเวียดนาม ตามแผน จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มขึ้นเป็น 200 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 17 เมกะวัตต์ ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 โดยบริษัทฯวางเป้าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ ผลักดันผลการดำเนินงานนิวไฮต่อเนื่อง"นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด

 

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2563 เป็นหุ้นในอัตรา 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.011111 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 และแจกวอร์แรนต์ (SSP-W1) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วย มีอายุ 8 เดือน อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 12.00 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 14 มิถุนายน 2564 และ (SSP-W2) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วย มีอายุ 3ปี 11เดือน อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 18-24 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 14 มิถุนายน 2564

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้