Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : GUNKUL เปิดศักราชใหม่ บุ๊คกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 1,091 ลบ.

4,359

HotNews : GUNKUL เปิดศักราชใหม่ บุ๊คกำไรพิเศษขายโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 1,091 ลบ.

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 มกราคม 2564 ) บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เฮรับทรัพย์จากการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม Iwakuni ในประเทศญี่ปุ่น มูลค่าขายรวม 2,864 ล้านบาท ส่งผลให้ได้รับกำไรจากการลงทุนเข้ามาในไตรมาส 4/63 กว่า 1,091 ล้านบาท หนุนกำไรปี 63 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ระบุสามารถนำกำไรที่ได้มาลงทุนโครงการใหม่ได้มากกว่า 150 เมกะวัตต์ โดยไม่ต้องใช้เงินส่วนทุนของบริษัทฯ เพื่อเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิต1,000 เมกะวัตต์ และสร้างผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น

 

 

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทราบถึงสารสนเทศในการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwakuni ในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตตามการซื้อขายไฟฟ้า 75 เมกกะวัตต์ และตามการผลิตติดตั้ง 98 เมกะวัตต์ โดยดำเนินการการขายเงินลงทุน100% ของ East Japan Solar 13 Godo Kaisha (EJS 13) ที่ถือโดย Future Asset Management KK (FAM) และ Gunkul International (Mauritius) (GIM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL ด้วยมูลค่า 9,943 ล้านเยน หรือคิดเป็นมูลค่าขายรวม 2,864 ล้านบาท และก่อให้เกิดกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในงบการเงินไตรมาส 4/2563 เป็นมูลค่า 1,091 ล้านบาท (อัตรา 0.287419 เยนต่อบาท) โดยบริษัทได้รับชำระราคาเรียบร้อยแล้ว

 

 


สำหรับประโยชน์จากการจำหน่ายเงินลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์ม Iwakuni ทำให้บริษัทฯ สามารถบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนได้ทันที และนำกำไรที่ได้มาลงทุนสำหรับโครงการใหม่ได้มากกว่า 150 เมกะวัตต์ โดยที่ไม่ต้องใช้เงินส่วนทุนของบริษัทฯเพิ่ม อันจะนำไปสู่เป้าหมายการเพิ่มกำลังการผลิตสู่ 1,000 เมกะวัตต์ในอนาคต ซึ่งในแต่ละปีบริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถได้รับผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่รวดเร็วจากการลงทุนโครงการใหม่ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwakuni ต้องใช้เวลาเกือบ 3 ปี จึงจะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้

 

 

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2563 คาดว่า กำไรจะเติบโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเติบโตในธุรกิจทุกด้าน และทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่างานก่อสร้างที่ได้รับไว้แล้วกว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบกับการจำหน่ายเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น ทำให้บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2564 ที่บริษัทฯ มีความพร้อมในการลงทุนประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจากมีกระแสเงินสดในมือ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนได้มากขึ้น และจะเป็นหลักประกันสำคัญในด้านความเติบโตของ GUNKUL ต่อไป

 

 


“ฝ่ายบริหารบริษัทฯ เห็นว่าการจำหน่ายโครงการดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ทั้งในส่วนของการสร้างกระแสเงินสด เสริมความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุน ทำให้บริษัทฯ มีโอกาส ได้รับผลตอบแทนเงินลงทุนเร็วขึ้นและมากกว่า ดังนั้นกำไรจากการจำหน่ายในโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องใช้ส่วนทุนเพิ่มในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ที่สำคัญสร้างผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและบริษัทฯ สูงกว่า”นางสาวโศภชากล่าว

 

 

 

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ครั้งที่ 7/2563 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563ได้มีมติอนุมัติการมอบอํานาจให้คณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ ดําเนินการเรื่องการจําหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwakuni ประเทศญี่ปุ่น (“โครงการ Iwakuni”) ขนาดกําลังการผลิตของโครงการฯ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 75เมกะวัตต์และตามการผลิตติดตั้ง 98เมกะวัตต์โดยดําเนินการการขายเงินลงทุนร้อยละ100ของ East Japan Solar 13 Godo Kaisha (“EJS 13”) ที่ถือโดย (ก) Future Asset Management KK (“FAM”)

 

 

(ข) Gunkul International (Mauritius) (“GIM”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯดังนั้น เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ ครั้งที่ 29/2563 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ได้มีมติอนุมัติให้ GIM และ FAM ลงนามสัญญาซื้อขายเงินลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 100 ของ EJS 13 ให้กับผู้ประสงค์ที่จะซื้อ โดย EJS 13เป็นบริษัทที่ดําเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์Iwakuni ประเทศญี่ปุ่นด้วยมูลค่าการขายโครงการฯ ที่ตกลงระหว่างกันในจํานวน 9,942,653,495.00เยน หรือคิดเป็น 2,863,842,142.09 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ณ วันที่ 23ธันวาคม 2563 เท่ากับ 1 เยน : 0.288036 บาท)

 

 

โดยคิดเป็นขนาดของรายการคํานวณตามหลักเกณฑ์ของประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามวิธีการคํานวณในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน พ.ศ.2547เท่ากับร้ อยละ 6.875ของมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทฯ ตามงบการเงินสําหรับงวด 9 เดือน สิ ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว ซึ่งจัดเป็นรายการตามวิธีการคํานวณขนาดรายการโดยใช้เกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน

 

 


ทั้งนี้ ไม่มีขนาดรายการย้อนหลังในรอบระยะเวลา 6 เดือน จึงถือเป็นอัตราร้อยละ 6.875และเข้าเกณฑ์ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ได้รับมติจากคณะกรรมการบริษัทให้จําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์พร้อมทั้งมอบอํานาจให้คณะกรรมการบริหารดําเนินการในรายการดังกล่าวได้ตามรายละเอียดที่ได้กล่าวข้างต้น

 

 


การเข้าทํารายการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการจําหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์พ.ศ. 2547 บริษัทฯจึงขอแจ้งสารสนเทศของรายการดังกล่าวดังต่อไปนี้

 

 

บริษัทฯ มีความประสงค์ที่จะขายโครงการฯ โดยเสนอเงินลงทุนทั้งหมดของ EJS 13 ซึ่งมี FAM และ GIM เป็นผู้ถือผลประโยชน์ของโครงการฯ ด้วยมูลค่าการขายรวม 9,942,653,495.00 เยน หรือคิดเป็น 2,863,842,142.09 บาท(อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2563 เท่ากับ 1 เยน : 0.288036 บาท) โดยคิดเป็นขนาดของรายการคํานวณตามหลักเกณฑ์ของประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามวิธีการคํานวณในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจําหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน พ.ศ.2547เท่ากับร้ อยละ 6.875ของมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัทฯ ตามงบการเงินสําหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563ที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว ซึ่งจัดเป็นรายการตามวิธีการคํานวณขนาดรายการโดยใช้เกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน

 

 


ทั้งนี้ไม่มีขนาดรายการย้อนหลังในรอบระยะเวลา 6 เดือน จึงถือเป็นอัตราร้ อยละ 6.875และเข้าเกณฑ์ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มอบอํานาจให้คณะกรรมการบริหารดําเนินการในการจําหน่ายโครงการดังกล่าว

 

 


ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ


- บริษัทฯ จะบันทึกกําไรจากการจําหน่ายเงินลงทุนมูลค่าประมาณ 1,090,935,316.71 บาท (คํานวณจากอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2563 เท่ากับ 1 เยน : 0.287419 บาท) สําหรับงวดสิ้นสุดวันที่31ธันวาคม 2563

- บริษัทฯ มีสภาพคล่องและความสามารถในการก่อหนี้เพื่อใช้สําหรับการหมุนเวียนและการลงทุนใหม่ตามมูลค่าการจัดจําหน่ายจํานวน 9,942,653,495.00 เยน หรือ คิดเป็น 2,857,707,524.87 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2563เท่ากับ 1 เยน : 0.287419 บาท)

- ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการจัดหาโครงการใหม่ด้านพลังงานทดแทนและอื่นๆ เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น

โดย วันที่ 28 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีการเเปลี่ยนแปลงจากผู้ถือหุ้นรายเดิมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่แล้ว

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้