
HotNews: "กลุ่มสมวัฒนา" เทนเดอร์ NVD /S ชี้ปลดล็อค รุกแนวราบ
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 23 พฤศจิกายน 2563)----- บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ขายหุ้นทั้งหมดใน บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ “NVD” คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD ชี้ส่งผลดีให้ S สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทุกรูปแบบได้ด้วยตนเอง สอดคล้องดีมานด์แข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤติ มั่นใจเติบโตต่อเนื่อง ด้าน NVD เผย S ขายหุ้นที่ถือทั้ง 51.56% ให้กลุ่มสมวัฒนา ที่ราคา 2.52 บ./หุ้น พร้อมทำเทนเดอร์

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” กล่าวว่า มาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จนลุกลามเป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจทั่วโลกในที่สุด อย่างไรก็ดี ยอดขายสะสมโครงการบ้านเดี่ยว และทาว์นเฮาส์ 9 เดือนแรกของผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับการหดตัวของผลการดำเนินงานในหลายธุรกิจ ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่พักอาศัยแนวราบที่ยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤติ ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ของ S เป็นการดำเนินธุรกิจผ่านการถือหุ้น 51.56% ในบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ “NVD”
คณะกรรมการบริษัทมีมติในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ให้บริษัทลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัทและกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน NVD เพื่อศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่ทั้งสองฝ่ายถืออยู่ใน NVD โดยคู่สัญญาได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของ MOU และได้ข้อสรุปในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ว่า สิงห์ เอสเตทจะเป็นผู้ขายหุ้นสามัญใน NVD จำนวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็น 51.56% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NVD คิดเป็นเงินจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,793,875,406.40 บาท ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ NVD และคาดว่าจะทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563 โดยภายหลังจากการซื้อขายหุ้นสามัญใน NVD ดังกล่าวแล้ว NVD จะสิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ส่งผลให้ สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเองโดยปราศจากเงื่อนไขป้องกันการดำเนินธุรกิจทับซ้อนระหว่างบริษัท และ NVD ที่ได้เคยกำหนดไว้
สิงห์ เอสเตท เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี โครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบันประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 4 แห่ง ได้แก่ โครงการ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, ดิ เอส สุขุมวิท 36 และ ดิ เอ็กซ์โทร ตลอดจนโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 250 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจที่พักอาศัย การขายหุ้น NVD ในครั้งนี้ช่วยปลดล็อคให้ สิงห์ เอสเตท สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างเต็มตัว เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ปัจจุบันอย่าง ดิ เอส และ โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการมีสัดส่วนรายได้จากที่อยู่อาศัยแนวราบต่อแนวสูงที่ระดับ 60:40 และหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของพอร์ตธุรกิจที่อยู่อาศัยของบริษัท
“การขายหุ้นใน NVD เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดบางประการในการพัฒนาธุรกิจของบริษัท นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจที่พักอาศัยให้ครอบคลุมทั้งในด้านของสินค้าและเซกเมนท์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของกลุ่มลูกค้า ความผันผวนจากสภาวะตลาด และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตลอดจนเสริมสร้างการเติบโตของบริษัทที่ยั่งยืน และส่งมอบผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว”
ด้านบริษัท เนอวานา ไดอิ จํากัด (มหาชน) NVD ได้รับแจ้งจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองกลุ่ม คือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จํากัด (มหาชน) ("สิงห์ เอสเตท”) และกลุ่มสมวัฒนา ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสองกลุ่ม ได้เข้าทําบันทึก ข้อตกลงร่วมกัน ("บันทึกข้อตกลง”) เรื่อง การเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในเอ็นวีดี ที่ผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายถืออยู่ โดยวิธีการประมูลเสนอ ราคาลับ ซึ่งได้มีการดําเนินการแล้วเสร็จในช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้นั้น
ในการนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งผลการประมูลเสนอราคาลับดังกล่าว โดยที่กลุ่มสมวัฒนาจะเข้าซื้อหุ้นจํานวน 711,855,320 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51.56 ของจํานวนหุ้นที่ออกจําหน่ายแล้วทั้งหมดของเอ็นวีดีจากสิงห์ เอสเตท ในราคา 2.52 บาทต่อ หุ้น ซึ่งคาดว่าจะทําการซื้อขายในเดือน ธันวาคม 2563 ("วันที่คาดว่าจะซื้อขายเสร็จสมบูรณ์") แต่ทั้งนี้ จะต้องได้รับความ ยินยอมจากบรรดาเจ้าหนี้ของบริษัทฯ สําหรับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวเสียก่อน "ธุรกรรมซื้อขายหุ้น”) ทั้งนี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างมีนัยสําคัญที่จะเกิดขึ้นในคราวนี้ จะต้องได้รับความยินยอม จาก บรรดาเจ้าหนี้ ก่อนการเข้าทําธุรกรรมซื้อขายหุ้น ซึ่งอาจเป็นผลให้วันที่คาดว่าจะซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ ที่ได้กําหนดไว้เดือน ธันวาคม 2553 ตามที่กล่าวข้างต้นต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุจําเป็นทําให้ต้องเลื่อนวันที่คาดว่าจะซื้อขายเสร็จ สมบูรณ์ออกไป บริษัทฯ จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ทราบโดยเร็ว
เมื่อธุรกรรมซื้อขายหุ้นครั้งนี้ดําเนินการแล้วเสร็จ จะทําให้กลุ่มสมวัฒนามีหน้าที่ต้องจัดทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ ทั้งหมดของบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มสมวัฒนาจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนหุ้นที่ออกจําหน่ายแล้ว ทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังธุรกรรมซื้อขายหุ้นครั้งนี้
ในขณะนี้ บริษัทฯ ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างฝ่ายบริหารและการดําเนินงานของบริษัทฯ อัน เนื่องมาจากการเข้าทําธุรกรรมซื้อขายหุ้นในครั้งนี้แต่อย่างใด แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นต่อไปในภายหน้า บริษัทฯ จะดําเนินการแจ้งรายงานแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเร็วต่อไป