Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : PTG สุดแกร่ง กำไร Q3/63 โตแรง 98.6%

4,717

HotNews : PTG สุดแกร่ง กำไร Q3/63 โตแรง 98.6%

 



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 พฤศจิกายน 2563)  "พิทักษ์ รัชกิจประการ" แม่ทัพแห่ง PTG เผยผลงานไตรมาส 3/63 กำไรโต 98.6% ประเมิน Q4 ขายน้ำมันโต 8-12% รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 คงเป้าขยายสาขา 50-100 สาขา คาด EBITDA ทั้งปี 63 โตเพิ่ม 10-15% จากเดิมคาดโต 6 –10%

 

 


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากปีก่อน

 

 


ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการอยู่ที่ 25,315 ล้านบาท ลดลง 3,170 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการในส่วนของธุรกิจน้ำมันที่ลดลง 11.7% จากราคาค้าปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการปรับตัวลดลง 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการเติบโตธุรกิจแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ ที่กลับมาเติบโตหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid–19 ในไตรมาสที่ 2

 

 

โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมัน คิดเป็น 88.1% และธุรกิจ Non-Oil 11.9% ซึ่งสามารถแบ่งกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เป็นธุรกิจแก๊สแอลพีจี 4.7% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2.6% ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ 4.6% โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1,895 ล้านบาท ลดลง 4.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงการรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 ซึ่งบริษัทต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาจากสิทธิในการใช้สินทรัพย์และดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้สินตามสัญญาเช่าแทนการบันทึกค่าเช่าแบบเดิม

 

 

 

 

 


“ จากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ มาจากการใช้น้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ผ่านทุกช่องทางอยู่ที่ 13.9% เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และจำหน่ายผ่านสถานีบริการของ PT ของ PTG คิดเป็น 95.9% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้น 11.2% จากช่วงเดียวกันของปี ที่แล้ว จากการขยายจำนวนสถานีบริการ และการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังคงรักษามาร์เก็ตแชร์ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 2 คิดเป็น 16.6% ”

 


นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG ในไตรมาส 4 จะเติบโตอยู่ที่ 8–12% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว และคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปีเติบโตอยู่ที่ 6–10% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีที่ 50–100 สาขา การขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil 100 สาขา และปรับงบการลงทุนลงอยู่ที่ 2,500–3,000 ล้านบาท จากเดิม 3,000–3,500 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายเข้มงวดในการลงทุน

 

 

อย่างไรก็ดี จากการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน และการขยายธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Palm Complex โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งคาดว่าจะได้รับในปีนี้ ประมาณ 240–260 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ ปรับประมาณการ EBITDA ในปี 2563 อยู่ที่ 10–15% จากปีที่แล้ว จากประมาณการการเติบโตเดิมที่ 6–10%

 

 

 

 


PTG อวด Q3/63 กำไรพุ่ง 98.6%



บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานทางการเงินในไตรมาส 3 ปี 2563 พีทีจีมีรายได้จากการขายและการบริการอยู่ที่ 25,315 ล้านบาทลดลง 11.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากราคาค้าปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการปรับตัวลดลงเฉลี่ย 19.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตขึ้น 9.1% ทั้งนี้ รายได้จากการขายและการบริการเพิ่มขึ้น 13.7% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 2.2% และราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับเพิ่ม 10.6% จากไตรมาสที่แล้ว

 

 

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ราคาน้ำมันโลกค่อนข้างมีเสถียรภาพ และการปรับราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการค่อนข้างสอดคล้องกับต้นทุน ทำให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้พีทีจีมีกำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 2,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น16.6% จากไตรมาสเดียวกันของปี นี้ แต่ลดลง 0.9% จากไตรมาสก่อน โดยสัดส่วนกำไรจากธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ Non-Oil คิดเป็น 88.1% และ 11.9% ตามลำดับ โดยสามารถแบ่งกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เป็นธุรกิจแก๊สแอลพีจี 4.7% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2.6% และธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ 4.6%

 

 


ทั้งนี้ พีทีจีมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1,895 ล้านบาท ลดลง 4.9% จากไตรมาสเดียวกันของปี ที่แล้ว เนื่องจากการปรับปรุงการรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16ซึ่งบริษัทต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาจากสิทธิในการใช้สินทรัพย์และดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้สินตามสัญญาเช่า แทนการบันทึกค่าเช่าแบบเดิม โดยหากไม่นำมาตรฐานฉบับใหม่นี้เข้ามาคำนวณ บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 2,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% จากการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจี และจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil

 

 

โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสก่อน จากการขยายสาขาการให้บริการตามที่ได้กล่าวมาในข้างต้น แต่มีแนวโน้มเติบโตลดลงตามนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายและเข้มงวดในการลงทุน ส่งผลให้พีทีจีมี EBITDA อยู่ที่ 1,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน โดยหากไม่นำผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 มาคำนวณบริษัทจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปี ที่แล้ว

 

 

 

 

 

 

 

PTG ปรับเพิ่มเป้า EBITDA ปี 63 เป็น 10 –15% จากเดิมคาดโต 6 –10%

 


บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินงานในไตรมาส 4 ของปี 2563 (ปรับประมาณการ)ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของพีทีจีเติบโตอยู่ที่ 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าปริมาณการใช้น้ำมันภาพรวมของประเทศปรับตัวลดลง 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากผลกระทบของการระบาดของCOVID-19 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ปริมาณการใช้น้ำมันภาพรวมของประเทศเริ่มกลับมาเติบโต อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นไตรมาส 4 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุฝนที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งในปีนี้พายุมาช้ากว่าปกติ จึงอาจส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ การขนส่ง และการเกษตร ในไตรมาส 4เติบโตได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

 


อย่างไรก็ตาม พีทีจียังคงคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของพีทีจีในไตรมาส 4 จะเติบโตอยู่ที่ 8 – 12% จากปี ที่แล้ว และคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปี จะเติบโตอยู่ที่ 6 – 10% จากปีที่แล้ว ตามการคาดการณ์เดิม ทั้งนี้ พีทีจียังคงเป้าการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีที่ 50 – 100 สาขา การขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil 100 สาขา โดยปรับงบประมาณการลงทุนลงอยู่ที่ 2,500 – 3,000 ล้านบาท จากเดิม 3,000 – 3,500 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายเข้มงวดในการลงทุน

 


จากการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดังกล่าว ค่าการตลาดของธุรกิจน้ำมันที่อยู่ในช่วงปกติ การผลักดันธุรกิจNon-Oil อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแก๊สแอลพีจีธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั้งร้านกาแฟพันธุ์ไทยและคอฟฟี่ เวิลด์ธุรกิจร้ านสะดวกซื้อ Max Martและธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Palm Complex ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 40% ที่คาดว่าจะได้รับในปีนี้ประมาณ 240 – 260 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทปรับประมาณการผลกระทบจากการปรับปรุงการรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 จากการคำนวณภาระผูกพันตามสัญญาเช่ารวมถึงระยะเวลาที่บริษัทสามารถต่ออายุสัญญาอยู่ที่ 220–240 ล้านบาท จากเดิม 160 – 180 ล้านบาทเนื่องจากเพิ่มการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีทำให้พีทีจีปรับประมาณการเติบโตของผลประกอบการด้าน EBITDA ในปี 2563อยู่ที่ 10 –15% จากปี ที่แล้วจากประมาณการการเติบโตเดิมที่ 6 –10%

 

 

 

 

 


บล.ทรีนีตี้ แนะนำ "ซื้อ" PTG ราคาเป้าหมาย 20 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) คาด 4Q20 ปริมาณขายน่าจะเพิ่มขึ้น 10% QoQบริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณขาย 4Q20 ที่ 10% QoQ ซึ่งเรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ปริมาณการขายใน 4Q20 ที่จะเพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวเพิ่มมากขึ้น และมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ดังนั้นปริมาณการสัญจรทางรถยนต์น่าจะเพิ่มขึ้นได้มากว่า 3Q20 ในส่วนค่าการตลาดนั้น EPPO ยังรายงานค่าการตลาดที่อยู่ในระดับ 2.4-2.5 บาทต่อลิตร ซึ่งยังใกล้เคียงกับ 3Q20 นอกจากนี้แล้วราคา CPO มีการปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 90% ในเดือน พ.ย. เทียบกับ ก.ย. ดังนั้นแล้วมีโอกาสที่กำไรจาก Palm Complex อาจจะมากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้ในปีที่ (บริษัทตั้งเป้าไว้ 200-240 ล้านบาท, 9M20 ประมาณ 180 ล้านบาท)

 

ยังคงประมาณการกำไรปี 2020 ที่ 1.8 พันล้านบาท ยังมี Upside จากธุรกิจปาล์ม เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปี 2020 ที่ 1.8 พันล้านบาท โดย 9M20 คิดเป็น 68% ของประมาณการของเรา ทั้งนี้เราเชื่อว่าถ้าราคา CPO ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 38 บาทต่อกก น่าจะทำให้ส่วยแบ่งกำไรจาก Palm Complex อาจจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 100-150 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วง 1Q20 ที่ผ่านมาได้ ช่วง 1Q20 ราคา CPO ขึ้นไปสูงถึง 38 บาทต่อกก

 

ราคาเป้าหมายปี 2021E ที่ 20 บาท แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2021E ที่ 20 บาท อิง PER -0.5SD ที่ 18 เท่า แนวโน้มผลประกอบการ 4Q20E คาดจะยังเติบโตได้ต่อปริมาณการสัญจรรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง และค่าการตลาดยังอยู่ในระดับดีมากที่ 2 บาทต่อลิตร และมี Upside ต่อราคา CPO ที่ปรับเพิ่ม

 

ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ผันผวน และนโยบายภาครัฐ

 

 

 

 


บล.ทิสโก้ แนะนำ "ถือ" PTG ราคาเป้าหมาย 20 บาท

 

สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า PTG รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้ อยู่ที่ 509 ล้านบาท เติบโต 97.6% YoY และทรงตัว QoQ


- รายได้ลดลง -11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 13.7% QoQ มาที่ 25,315 ล้านบาท โดยรายได้ที่ลดลง YoY มาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
- ปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 1,232 ล้านลิตร เติบโต 9% YoY และ 2% QoQ โดยการเติบโต YoY มาจากการฟื้นตัวของการใช้น้ำมันหลังการคลายมาตรการล็อคดาวน์ ส่วนการเพิ่มขึ้นเพียง QoQ มาจากปัจจัยด้านฤดูกาลและผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในบางพื้นที่ในช่วงเดือนกันยายน
- ค่าการตลาดต่ำกว่าที่เราคาดไว้มาที่ 1.94 บาทต่อลิตร (เราคาดไว้ที่ 2 บาทต่อลิตร) ลดลงจาก 2.08 บาทต่อลิตรใน 2Q20 แต่เพิ่มขึ้นจาก 1.80 บาทต่อลิตรใน 3Q19 ค่าการตลาดที่ลดลงมีผลมาจากต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส
- สัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นมาที่ 12% (จาก 9% ใน 2Q20) จากการฟื้นตัวในแต่ละธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง LPG ที่ปริมาณขาย LPG อยู่ที่ 41 ล้านลิตร (+23% YoY,+46% QoQ) และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังคลายล็อคดาวน์เช่นกัน
- ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนอยู่ที่ 33 ล้านบาท หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเพียง 5 ล้านบาทใน 2Q20 และการขาดทุนในปีที่แล้ว จากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น

 

ผลประกอบการ 9M20 อยู่ที่ 1,222 ล้านบาท ทรงตัว YoY คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีของเรา ดังนั้น เรายังคงประมาณการของเราโดยคาดกำไรสุทธิใน 4Q20F จะเติบโตได้ดีทั้ง QoQ และ YoY อย่างไรก็ตาม เราปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ จากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาส่งผลให้มี upside ที่จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเราที่ 20 บาท (PER 20 เท่าปี 2021F)

 

 

 

 

 


บล.หยวนต้า แนะนำ "ซื้อ" PTG ราคาเป้าหมาย 22 บาท/หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า PTG รายงานกำไรสุทธิใน 3Q63 ที่ 509 ลบ. (-0.2%QoQ, +98.4%YoY) ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 508 ลบ. (-0.2%QoQ, +98.1%YoY) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด  รายได้ใน 3Q63 อยู่ที่ 25,315 ลบ. เติบโต 13.7%QoQ โดยได้แรงหนุนจากมาตรการคลาย Lockdown ในประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันหน้าสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 1,232 ล้านลิตร (+2.2%QoQ, +9.1%YoY) และปริมาณการจำหน่าย LPG เพิ่มขึ้นเป็น 41 ล้านลิตร (+45.9%QoQ, +22.7%YoY) อีกทั้งราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีปรับตัวขึ้น QoQ ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เริ่มฟื้นตัว แต่ลดลง 11.1%YoY เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อช่วงต้นปี 2563 และยังคงอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีปรับตัวลง YoY เช่นกัน

 

 

GPM ใน 3Q63 อยู่ที่ 10.7% ลดลงจาก 12.3% ใน 2Q63 เนื่องจากการปรับราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการสอดคล้องกับต้นทุนส่งผลให้ค่าการตลาดชะลอลง QoQ แต่ยังอยู่ในระดับเหมาะสม และเพิ่มขึ้นจาก 8.2% ใน 3Q62 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันต่อลิตรที่ลดลง

 

 

ส่วนแบ่งทางกำไรใน 3Q63 อยู่ที่ 33 ลบ. เติบโตสูงทั้ง QoQ และ YoY ได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐโดยกำหนด B10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลขั้นพื้นฐานของไทยหนุนอุปสงค์และราคาขายให้เติบโต YoY

 



ด้าน SG&A ใน 3Q63 อยู่ที่ 1,895 ลบ. ทรงตัว QoQ แต่ลดลง YoY เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการบันทึกทางการเงิน TFRS16 ขณะที่ต้นทุนทางการเงินใน 3Q63 อยู่ที่ 280 ลบ. เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ แต่เติบโตสูง YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการบันทึกทางการเงิน TFRS16 เช่นกัน

 

 


คาดกำไรปกติใน 4Q63 อยู่ที่ 500 ลบ. +/- ทรงตัว เติบโตเล็กน้อย QoQ และเติบโตสูง YoY ได้แรงหนุนจาก 1) การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องราว 36 สถานี จาก 1,844 สถานีในปี 2562 เป็น 1,866 สถานี ณ สิ้น 3Q63 2) มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยเพิ่มวันหยุดพิเศษในวันที่ 19 20 พ.ย. 63 และ 11 ธ.ค. 63 ทำให้การเดินทางในประเทศมากขึ้นหนุนปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 3) คาดส่วนแบ่งทางกำไรจากธุรกิจ Palm Complex เติบโตทั้ง QoQ และ YoY เพราะเป็นช่วง High season ของธุรกิจ Palm Oil และนโยบายกำหนด B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานใหม่หนุนราคาขาย

 

 

กำไร 9M63 เท่ากับ 1,221 ลบ. คิดเป็น 75% ของคาดการณ์ทั้งปี เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 1,624 ลบ. (+4.1%YoY) บนสมมติฐานค่าการตลาด 1.95 บาท/ลิตร คาดปริมาณการขายทั้งปีอยู่ที่ 4,917 ล้านลิตร (ณ สิ้น 3Q63 ปริมาณการขายอยู่ที่ 3,654 ล้านลิตรหรือคิดเป็น 74% ของคาดการณ์) และคาดส่วนแบ่งทางกำไรจาก Palm Complex ที่ 245 ลบ. (ส่วนแบ่งทางกำไร 9M63 เท่ากับ 210 ลบ. หรือคิดเป็น 86% ของคาดการณ์)และคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ที่ 1,808 ลบ. (+11.3%YoY) จากการขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 100 สถานีและคาดค่าการตลาดอย่าง Conservative ที่ 1.90 บาท/ลิตร และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่ 5,421 ล้านลิตร

 

 

เรายังคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2564 ที่ 22.0 บาท/หุ้น อิงที่ PER20.0x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 30.0x เหลือ Upside gain 18.3% จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ปัจจุบัน ซื้อขายอยู่บน PE63 64 ต่ำเพียง 19x และ 17x ตามลำดับ พร้อมคาดเงินปันผลทั้งปี 2563 ที่ 0.4 บาท/หุ้น (Yield 2.2%)

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้