HotNews : BGRIM ยอมเฉือนเป้ารายได้ !!

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(27 พฤษภาคม 2563)  ปรียนาถ สุนทรวาทะ แม่ทัพหญิง   BGRIM เผยปรับรายได้ปี 63 เหลือเติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย จากเดิมคาดโต10-15%   เหตุลูกค้านิคมอุตสาหกรรม โดนโควิดกระทบ  ระบุ ช่วง เม.ย.ลูกค้านิคมฯบางรายหยุดการทำงาน แต่เชื่อโดยรวมยังสดใส - พร้อมทุ่มงบลงทุน 5 ปี (63-67) ราว 7 - 7.5 หมื่นลบ. รองรับขยายการลงทุนต่อเนื่อง  ขณะที่ล่าสุดได้ไลเซ่นส์ นำเข้า LNG รายที่ 5

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีกริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯปรับเป้ารายได้ปี 2563เหลือใกล้เคียงหรือเติบโตเล็กน้อยจากปีก่อนที่ทำได้ 44,660.29 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 10-15% เนื่องจาก ในเดือนเมษายนที่ผ่านมามีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางรายได้หยุดการผลิตไป แต่ทั้งนี้ได้เริ่มกลับมาดำเนินการปกติแแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงมั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยไตรมาส 1/2563 บริษัทฯยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจรายได้ส่วนใหญ่มาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ประกอบกับปีนี้บริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ในเวียดนาม กำลังการผลิต 677 เมกะวัตต์เข้ามาแบบเต็มปีด้วยเช่นกัน

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมีลูกค้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทยอยเข้ามาอีกในช่วงที่เหลือของปีรวม 30 เมกะวัตต์ตามสัญญาการซื้อขายไฟ โดยในไตรมาส2/2563 เข้ามาแล้ว จำนวน 14 เมกะวัตต์ ไตรมาส3/2563 จำนวน 8 เมกะวัตต์ และไตรมาส4/2563 จำนวน 8 เมกะวัตต์

"ท่ามกลางวิกฤตโควิดเรายังมีการเติบโตที่แข็งแแกร่ง เพราะ 70% ของเราเป็นสัญญาระยะยาวตั้งแต่ 20-30ปีเป็นต้นไป เราจึงมีความมั่นคงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโรงไฟฟ้าของเราอยู่ในพื้นที่ strategic location ลูกค้าแต่ละรายค่อนข้างมีศักยภาพ โดยในพื้นที่นั้นมีอีก 1,500 รายที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าเรา ปัจจุบันเรามีลูกค้าในพื้นที่แค่ 130 รายเท่านั้น ดังนั้นเราจึงมีโอกาสในการหาลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง" นางปรียนาถ กล่าว

ขณะที่งบลงทุนระยะยาว 5 ปี (63-67) บริษัทฯวางไว้ จำนวน 70,000-75,000 ล้านบาท โดยจะใช้ในปี 2563 จำนวน 16,000-18,000 ล้านบาท เพื่อรองรับขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ เกาหลี ,เวียดนาม, กัมพูชา แและมาเลเซีย ส่วนในประเทศบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มอีก 1-3 โรง กำลังการผลิตรวมราว 300 เมกะวัตต์

ทั้งนี้บริษัทฯมีความพร้อมในเรื่องของงบลงทุนโดยไม่จำเป็นต้องหุ้นกู้แต่อย่างใด โดยปัจุบันมีกระแสเงินสดในมือ จำนวน 21,000 ล้านบาท แและมีการประเมินกระแสเงินสดอย่างละเอียดภายใต้สมมติฐานสถานการณ์ต่างๆ มั่นใจแข็งแกร่งต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ และแผนการลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับวงเงินสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม 4,000 ล้านบาทรวมเป็น 9,000 ล้านบาท

ด้านความคืบหน้าในการขอชิปเปอร์ลายเซ็น 'ชิปเปอร์' นำเข้า LNG ปริมาณ 6.5 แสนตัน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ซึ่งจะรับทราบผลการพิจารณาในวันนี้ หากมีความคืบหน้าชัดเจนจะแแจ้งให้ทราบทันที ทั้งนี้การนำเข้า LNG นั้นบริษัทฯจะนำไปใช้สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ STPจำนวน 5 โรง และไม่มีการส่งจำหน่ายไปยังประเทศอื่น

ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 35/2563 (ครั้งที่ 678) ได้เห็นชอบให้บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย รวมแล้วมีผู้ได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติทั้งหมด 5 ราย นับเป็นการส่งเสริมการแข่งขันธุรกิจก๊าซธรรมชาติอย่างเป็นธรรม

อนึ่ง ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวแล้ว 4 ราย ประกอบด้วยบมจ.ปตท. (PTT) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GULF และบมจ.ราช กรุ๊ป (RTACH)

BGRIM