Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

รายงานพิเศษ : KTIS ความหวานที่ลงตัว (ภาคจบ)

1,227

 

 
รายงานพิเศษ :  KTIS  ความหวานที่ลงตัว (ภาคจบ) 

ก้าวต่อไปของ KTIS  หลังจากปิดงบQ2/60  ด้วยรายได้รวม 7,746.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.5%  ตัวเลขกำไรสุทธิ 561.5 ล้านบาท  โต 498.9%  จากไตรมาสเดียวกันของปี 59  เป็นอะไรที่น่าติดตาม ชวนเกาะติดในห้วงที่ใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลประกาศงบไตรมาส3/60  .....
ยิ่งเห็นผลงานครึ่งปีแรกพลิกมีกำไร  973.5 ล้านบาท  จากปีก่อนขาดทุน  512.53   ล้านบาท    อาจจะเป็นตัวบ่งชี้  ตัวสะท้อนศักยภาพการจ่ายเงินปันผล ด้วยผลตอบแทนที่งดงามให้กับผู้ถือหุ้นหรือไม่อย่างไร.........  ซึ่งตามนโยบาย  KTIS  ตั้งธงปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50.0 ของกำไรสุทธิ
เป้าหมายปรุงความกลมกล่อมของผลประกอบการปีนี้  KTIS  มุ่งหวังให้เป็นความหวานที่ลงตัว ด้วยเป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท โตจากปี59 ไม่น้อยกว่า 30%   โกยผลผลิตอ้อยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีการผลิตก่อนหน้า 15.4% และคุณภาพอ้อยดีมาก ทำให้ผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นถึง 29.9%  เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ปีนี้เกือบทุกสายธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดี

สำหรับเป้าหมายการเติบโตปีนี้   KTIS เชื่อว่ารายได้ปีนี้เข้าเป้าที่วางไว้ว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 59 ไม่น้อยกว่า 30% โดยครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 11,690.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 973.5 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 578.8% ชี้เป็นการเติบโตทั้งสายน้ำตาลและชีวพลังงาน จากผลผลิตอ้อยที่ดีขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ ประกอบกับราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยในครึ่งปีแรกของปีนี้สูงกว่าปีก่อน 
   นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ผลประกอบการของกลุ่ม KTIS ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 (มกราคม - มิถุนายน 2560) สามารถทำรายได้รวม 11,690.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 973.5 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ถึง 578.8% 
"ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ว่ารายได้ของกลุ่ม KTIS ปีนี้น่าจะทำได้เกิน 20,000 ล้านบาทนั้น ยังเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะรายได้ครึ่งปีแรกก็ทำได้เกินครึ่งทางแล้ว และปกติรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังก็ไม่ได้แตกต่างจากครึ่งปีแรกมากนัก" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
  ทั้งนี้ จากงบการเงินปี 2559 กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 15,086.6 ล้านบาท ซึ่งหากปี 2560 นี้ ทำได้เกิน 20,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย จะคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่า 30% โดยปัจจัยหลักมาจากผลผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากปีการผลิตก่อนหน้านั้นถึง 15.4% และคุณภาพอ้อยก็ดีขึ้น ทำให้ผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นถึง 29.9% 
ในครึ่งปีแรกของปีนี้ มีการเติบโตของรายได้ในทุกสายธุรกิจ ทั้งสายน้ำตาลและชีวพลังงาน โดยสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาล ประมาณ 79.1% จากการผลิตและจำหน่ายเอทานอล ประมาณ 7.7% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจาก ชานอ้อย 5.3% ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 4.2% และอื่นๆ 3.7%
  สำหรับผลผลิตอ้อยของฤดูกาลผลิตปี 2560/2561 นี้ หากมองในภาพรวมของอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งประเทศ พบว่า แม้พื้นที่ปลูกอ้อยในประเทศบางส่วนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอยู่บ้าง แต่คาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตอ้อยจะสูงถึงกว่า 100 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่มีปริมาณผลผลิตอ้อย 93 ล้านตัน และในส่วนของปริมาณอ้อยของกลุ่ม KTIS จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการปีต่อไปอย่างแน่นอน 
ส่วน ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ของ KTIS มีรายได้รวม 7,746.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.5% และมีกำไรสุทธิ 561.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 498.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559
    สำหรับงวด 6 เดือน ของปี 2560 KTIS สามารถทำรายได้รวม 11,690 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 973.5 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2559 ถึง 578.8%
  "ปีนี้กลุ่ม KTIS มีผลผลิตอ้อยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีการผลิตก่อนหน้านั้นถึง 15.4% และคุณภาพอ้อยก็ดีมาก ทำให้ผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นถึง 29.9% นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ในปีนี้เกือบทุกสายธุรกิจของกลุ่มเรามีผลการดำเนินงานที่ดี" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
    "กลุ่ม KTIS เชื่อว่า ปีนี้ปริมาณอ้อยของกลุ่ม KTIS น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยด้านบวกต่อผลประกอบการปีต่อไป" 

****เซียนหุ้น  เคาะเป้า KTIS  7.20 บาท****

บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า     เราคาดกำไร KTIS สำหรับปี 60 ที่ 1,854 ล้านบาท (EPS 0.48) พลิกเป็นกำไรจากปี 59 ที่ขาดทุน 513 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจาก ปริมาณอ้อยที่เข้าหีบเพิ่มขึ้นถึง 15% และคุณภาพอ้อยที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อปริมาณ By Product ของอ้อยที่เพิ่มมากขึ้นทั้ง กากอ้อยซึ่งจะใช้เป็นวัตถุดิบโรงไฟฟ้าและโรงงานเยื้อกระดาษ และ Molasses ที่ใช้เป็นวัตถุดิบให้โรงงาน Ethanal  ในขณะที่เราคาด GPM รวมที่ 27.63% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 18.91% และ NPM ที่ 8.64% 
เราแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเป้าหมาย 7.20 บาทประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเราประเมินราคาเหมาะสมหุ้น KTIS ปี'60 จาก Prospect P/E ที่ 15 เท่าราคาเป้าหมายที่ 7.20 บาท 
ได้รับผลกระทบไม่มากนักจากราคาตาลที่ปรับตัวลดลง
      ราคาน้ำตาล ICE Sugar No.11 ปัจจุบันลดปรับตัวลดลงเหลือ 13.63 เซนต์ต่อปอนด์ หรือลดลง 33.64%YTD ส่งผลกระทบต่อหุ้นหลุ่มน้ำตาลในปี 61 อย่างไรก็ตามผลกระทบดังกล่าวจะถูกลดท่อนด้วยปริมาณอ้อยที่เราคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ 9.5 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปี 60 และค่าเงินบาทที่เราคาดว่าจะอ่อนค่าแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์จากผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ช่วยลดท่อนผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่ปรับลดลง
ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว
เนื่องจากปัญหาภัยแล้งในปีที่ผ่านมาส่งผลให้ทั้งปริมาณอ้อยและคุณภาพอ้อยปรับตัวลดลงอย่างมาก จากระดับปกติที่มีอ้อยเข้าหีบปีละปะมาณ 9.5-9.9 ล้านตัน ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 7.5  ล้านตัน  ค่า C.C.S เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณอ้อยที่ระหว่าง 11.50-12.50 ลดลงเหลือ 11.3 อย่างไรก็ตามปัญหาภัยแล้งเริ่มคลี่คลายลงส่งผลให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีการผลิต 59/60 เพิ่มขึ้นเป็น 8.6 ล้านตัน ในขณะที่ค่า C.C.S เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้นเป็น 12.08 ปรับตัวดีขึ้นมากจากปีที่ผ่านมา โดยเราคาดว่าปริมาณอ้อยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 61 ที่ 9.5 ล้านตัน จากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติและชาวไร่อ้อยหันกลับมาปลูกอ้อยอีกครั้งหลังจากที่เจอปัญหาแล้งจนต้องหันไปปลูกมันสำปะหลัง
GPM ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
เราคาดว่า GPM ของสายน้ำตาล KTIS อยู่ที่ 25% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 16% จากปัจจัยหลัก 3 ประการ ดังนี้ 1.ปริมาณและคุณภาพอ้อยปรับตัวดีขึ้นตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น 2.ทำราคาน้ำตาลได้ดีกว่า อนท. โดย KTIS ได้ Partner อย่าง บริษัท นิสชิน ชูการ์ จากัด ซึ่งเป็นบริษัท trader น้ำตาลระดับโลกเป็นคนทำราคาให้ ส่งผลให้ในปีนี้ทำราคาน้ำตาลล่วงหน้าได้ที่มากกว่า 19 เซนต์ต่อปอนด์เล็กน้อย ในขณะที่ อนท.ทำราคาได้ที่ 19 เซนต์ต่อปอนด์ที่ 90%ของปริมาณขายทั้งปี 3. C.O.W (Coefficient of Work) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้วัดประสิทธิ์ภาพการสกัดน้ำตาลของโรงงาน ซึ่งส่งผลต่อราคาอ้อยที่ต้องจ่ายให้เกษตรกร หาก C.O.W. สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเขตอ้อยนั่นๆ หมายความว่า โรงงานสามารถสกัดน้ำตาลได้คุ้มค่ามากกว่าค่าอ้อยที่จ่ายไป โดยค่า C.O.W เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณอ้อยของทั้ง 3 โรงงานของ KTIS ในปีนี้อยู่ที่ 92.54 ใกล้เคียงกับค่า C.O.W เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณอ้อยของทั้ง 3 เขต ที่ 92.59  
จ่ายไฟฟ้าครบ 160 MW และค่า FT จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปี 62
โรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 RPBP กำลังผลิต 50 MW เริ่มจ่ายไฟฟ้าได้เมือวันที่ 23 มี.ค.2560 ทำให้กำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้น เป็น 160 MW  ในขณะที่เราคาดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วย (ค่าพลังงาน+FT+Adder) ปรับตัวลดลงเหลือ 2.87 บาท จากปี 59 ซึ่งอยู่ที่ 2.89 จากค่า FT เฉลี่ยทั้งปี 60 เราคาดที่ -0.34 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจาก FT เฉลี่ยทั้งปี 59 ที่ -0.32 สตางค์ต่อหน่วย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าค่า FT จะกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในปี 62 ส่งผลค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นจาก 2.87 บาทในปีนี้ เป็น 3.31 บาทต่อหน่วยในปี 62 หรือเพิ่มขึ้น 15%  ในขณะที่ปัญหากากอ้อยไม่เพียงพอ KTIS แก้ปัญหาด้วยการนำใบอ้อยเข้ามาผสมกากอ้อยใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าด้วย ทำให้จำนวนวัน run โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 

----จบ---

 By:สุกัญญา ศิริรวง 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้