Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews: แกะรอยงบแบงก์ Q3/60 กำไรหด 9.25% TISCO เข้าวินกำไรพุ่ง25.8%

1,437

 

 HotNews: แกะรอยงบแบงก์ 

Q3/60 กำไรหด 9.25%

TISCO เข้าวินกำไรพุ่ง25.8% 

  สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  20  ตุลาคม  2560 ) ------ 11  แบงก์ ประกาศงบQ3/60  เสร็จสิ้นแล้วภาพรวมกำไรทั้งกลุ่ม 4.74 หมื่นล้านบาท ลดลง 9.25%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.23 หมื่นล้านบาท โดย  CIMBT  ทำผลงานกำไรได้แย่ที่สุดในไตรมาส3 นี้ ด้วยผลกำไรสุทธิ 76.54 ลบ.  ลดลง 82.24%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 431.07  ล้านบาท   ตามด้วย  KTB  ประกาศกำไรสุทธิ 5.87 พันล้านบาท ลดลง 31.95%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8.62 พันล้านบาท 
ส่วนแบงก์ที่สร้างผลงานเข้าวิน-เข้าเป้า คือ TISCO  รายงานกำไรสุทธิ 1.57 พันลบ.  โต 25.79%   จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.24 พันล้านบาท  อันดับ 2 ตกเป็นของ  TCAP  มีกำไรสุทธิ 1.78 พันลบ.  เพิ่มขึ้น 19.04%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.5  พันล้านบาท   ส่วน TMB  เข้าวินมาเป็นอันดับที่ 3  ด้วยผลกำไรสุทธิ 2 พันลบ.  เติบโต 8.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.84 พันล้านบาท  
 
***ตารางเปรียบเทียบงบแบงก์***

      Q3/60(ลบ.)   Q3/59(ลบ.)   เพิ่มขึ้น /ลบ.   หรือ/%
ลำดับ                  
1 KBANK   9,473,364.00   10,856,304.00   -1,382,940.00   -12.74%
2 SCB   10,130,221.00   11,532,896.00   -1,402,675.00   -12.16%
3 BBL   8,161,315.00   8,060,800.00   100,515.00   1.25%
4 BAY   6,014,127.00   5,829,265.00   184,862.00   3.17%
5 KTB   5,871,812.00   8,629,918.00   -2,758,106.00   -31.96%
6 TMB   2,003,468.00   1,845,167.00   158,301.00   8.58%
7 TISCO   1,572,366.00   1,249,960.00   322,406.00   25.79%
8 KKP   1,723,182.00   1,691,015.00   32,167.00   1.90%
9 TCAP   1,788,432.00   1,502,341.00   286,091.00   19.04%
10 CIMBT   76,540.00   431,072.00   -354,532.00   -82.24%
11 LHBANK   670,698.00   698,436.00   -27,738.00   -3.97%
  รวม   47,485,525.00   52,327,174.00   -4,841,649   -9.25%
 
 

ทีมข่าวหุ้นอินไซด์ ได้ตามแกะรอย คำชี้แจงงบแบงก์ ทั้ง 11   แห่ง  ขอเชิญติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้

KBANK แจงงวด 9 เดือนกำไรวูบ  4.34%  เหตุตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2560 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 28,631 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4.34%  ขณะที่ ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 28,631 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,299 ล้านบาท หรือ 4.34%  ส่วนใหญ่เกิดจากธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 
อย่างไรก็ตาม ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้จำนวน 70,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1,650 ล้านบาท หรือ 2.39% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 3,467 ล้านบาท หรือ 5.20% และมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.44% โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 652 ล้านบาท หรือ 1.34% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,887 ล้านบาท หรือ 6.49% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 1,165 ล้านบาท หรือ 2.52% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 40.16%
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 9,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 487 ล้านบาท หรือ 5.42% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 367 ล้านบาท หรือ 1.57% และมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.47% รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 468 ล้านบาท หรือ 2.93% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 487 ล้านบาท หรือ 3.07% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 40.70%  


  SCBแจงQ3/60 วูบ12.2% เหตุตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น-แบกค่าใช้จ่ายพุ่ง
 
  นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร   ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB   เปิดเผยว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) ที่จำนวน 10,130 ล้านบาท ลดลง 12.2% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น และเตรียมการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ที่จะใช้ในปี 2562 นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 13.8% สืบเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารในการปรับองค์กรและเทคโนโลยีสู่ยุคดิจิทัล สำหรับผลประกอบการของธนาคารในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2560 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 33,953 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากปีก่อน
            รายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3/2560 มีจำนวน 23,272 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน ส่วนใหญ่จากการขยายตัวของสินเชื่อ 4.3% 
             รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยตามงบการเงินรวมในไตรมาส 3/2560 มีจำนวน 11,419 ล้านบาทลดลง 4.6% จากปีก่อน จากการลดลงของกำไรจากเงินลงทุน และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น 
           อัตราส่วน NPL ในไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ 2.75% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 ที่ 2.65% ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 7,554 ล้านบาท หรือ 1.52% ของสินเชื่อรวมในไตรมาสนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้นเป็น 136.4% ณ สิ้นไตรมาส 3/2560 จาก 133.5% ณ สิ้นไตรมาส 2/2560
             


BBL แจงQ3/60กำไรเพิ่ม 1.2% เหตุรายได้ดอกเบี้ยสุทธิหนุน
 
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20ตุลาคม2560)-------     ธนาคารกรุงเทพ  หรือ BBL เปิดเผยว่า   ธนาคารกรุงเทพ BBLและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 16,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.30 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ โดยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมจากบริการกองทุนรวมและบริการประกันผ่านธนาคาร และค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ 
             สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 11,939 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.3 ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 41.9 ส่งผลให้กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) สำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 มีจำนวน 8,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 
               ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,938,619 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 2559 สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 3.8 ของเงินให้สินเชื่อรวม อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรักษาระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารอยู่ที่ 135,840 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.0 ของเงินให้สินเชื่อ
               



บิ๊กBAY พอใจผลงาน9เดือนแรกปีนี้-คงเป้าสินเชื่อโต6-8%

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  BAY  เปิดเผยว่า ผลกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนแรกปี 2560 จำนวน 17.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
สำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2560 เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2559 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME และสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.16% ในไตรมาส 3/2560 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559
เงินให้สินเชื่อ จำนวน 1.50 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.33 พันล้านบาท หรือ 3.3% เมื่อเทียบกับ ณสิ้นเดือนธันวาคม 2559 การเติบโตของสินเชื่อมีปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจ SME และการเติบโตสินเชื่อลูกค้ารายย่อยในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
เงินรับฝาก มีจำนวนทั้งสิ้น 1.20 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.00 พันล้านบาท หรือ 8.0% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2559 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำอายุไม่เกิน 1 ปี
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ปรับตัวดีขึ้นมาที่ระดับ 3.82% สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ 3.70% ในไตรมาส 3/2560 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.89%
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ 2.16% ในไตรมาส 3/2560 ปรับตัวดีขึ้นจาก 2.24% ในไตรมาส 2/2560 ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 149.4%
ผลการดำเนินงานของกรุงศรีในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2560 แข็งแกร่งเป็นที่น่าพอใจ จากการเติบโตของเงินรับฝากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งโดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 2.16%ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ผลการดำเนินงานที่ดีนี้สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของกรุงศรีและศักยภาพในการขยายธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวังภายใต้สภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
นายโกโตะ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวม ว่า สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่อง กอปรกับการเติบโตของธุรกิจตามฤดูกาลสำหรับสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจส่งผลให้กรุงศรียังคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี โดยอยู่ที่ขอบล่างของเป้าหมายที่ 6-8%

         

  KTB แจงงบเดี่ยว9เดือนแรกปีนี้กำไรวูบ29.08% เหตุตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญฯ เพิ่มขึ้น

ธนาคาร กรุงไทย จำกัด(มหาชน)KTB เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 17,657 ล้านบาท ลดลง 750 ล้านบาท (ร้อยละ 4.07)จากไตรมาส 3/2559 เมื่อหักค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญฯ (รายละเอียดการสำรองเพิ่มเติมระบุใน ข้อ ฉ) หนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า) และภาษีเงินได้ จำนวน 9,918 และ 1,440 ล้านบาท ตามลำดับธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,299 ล้านบาท ลดลง 2,654 ล้านบาท (ร้อยละ 29.64) จากไตรมาส 3/2559 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 5,872 ล้านบาท ลดลง 2,758 ล้านบาท (ร้อยละ 31.96)จากไตรมาส 3/2559 โดยมีสาเหตุหลักจากการกันสำรอง (หนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า) เพิ่มขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิของธนาคารและบริษัทย่อย สำหรับงวด 9 เดือนเท่ากับ 18,827 ล้านบาท ลดลง 6,971 ล้านบาท (ร้อยละ 27.02) โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 17,632 ล้านบาท ลดลง 7,229 ล้านบาท (ร้อยละ 29.08)ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 7,256 ล้านบาท (ร้อยละ 30.23) จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 2/2560 ได้มีการกันสำรองสาหรับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มหนึ่ง ประกอบกับการกันสำรองในไตรมาส 3/2560 เพื่อเสริมสร้างระดับของเงินสำรองให้มีความเข้มแข็งขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ ร้อยละ 115.37
ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ 103,709 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio-Gross) ร้อยละ 4.51ธนาคารได้มีการดำเนินการปรับกลยุทธ์และกระบวนการบริหารจัดการสินเชื่อใหม่ที่มุ่งเน้นคุณภาพสินเชื่อ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามดูแลและการแก้ไขสินเชื่อด้อยคุณภาพให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง รักษาระดับของอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ให้มีความเหมาะสม โดยคงอัตราเงินสำรองฯ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 110 ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ

TMB งบโค้ง3/60 กำไรพุ่ง8.6% NPL ลดมาที่ 2.44%

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/60 อยู่ที่ระดับ 2,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ขณะที่ตั้งสำรองหนี้สูญหนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า ระดับ 2,391 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากงวดปีก่อน  ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ สิ้นก.ย.60 มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 2.44%
ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ลดลง 9 bps จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 3.11% ในไตรมาส 3/60 ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และจากการนำสภาพคล่องส่วนเกินไปลงทุนชั่วคราวในสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ อย่างไรก็ดีสำหรับรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ NIM ขยายตัว 4 bps มาอยู่ที่ 3.16% จากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดี
ทั้งนี้ จากการเติบโตของรายได้และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน กำไรจากผลการดำเนินงานหลักยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) ในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 5,048 ล้านบาท เติบโต 4.9% เทียบกับงวดปีก่อน และลดลง 1.7% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มี PPOP ทั้งสิ้น 6,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดปีก่อน
สำหรับ NPL ลดลงมาอยู่ที่ 2.44% จากการ write off เพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงเชิงลบที่อาจมีต่อผลการดำเนินงาน ทั้งนี้ ธนาคารยังคงตั้งสำรองฯ อย่างรอบคอบเพื่อรักษาอัตราส่วนสารองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ให้อยู่ในระดับสูง ในไตรมาส 3/60 ธนาคารตั้งสำรองอยู่ที่ 2,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรอบ 9 เดือนแรกของปี 60 ตั้งสำรองฯ ที่ 6,914 ล้านบาท เติบโต 7.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ Coverage ratio ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 141%

TISCO  ปั้นกำไร 9 เดือนโต 23% ชูบริการครบวงจร-ชี้พอร์ตรายย่อยสร้างโอกาสเสริมแกร่งธุรกิจ

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้  เปิดเผยว่า กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 322 ล้านบาท หรือ 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 มีกำไรสุทธิ 4,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 856 ล้านบาท หรือ 23.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 เป็นผลมาจากกลุ่มทิสโก้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับรักษาความสามารถในการสร้างรายได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 0.5% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 8.5% โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Bancassurance) และค่าธรรมเนียมธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุน นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้สามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญลดลง 44.0% พร้อมกับการปรับตัวดีขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ 2.3%
ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกธุรกิจ โดยเน้นประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงการเดินหน้าสร้างโอกาสในการเติบโตจากความสำเร็จในการรับโอนธุรกิจรายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT ที่ดำเนินการได้เสร็จสมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ ทั้งในส่วนของเงินฝาก สินเชื่อ บริการธนบดีธนกิจและธุรกิจนายหน้าประกันภัย โดยสามารถรับโอนย้ายพอร์ตรายย่อยเข้ามาด้วยมูลค่าสินเชื่อประมาณ 36,000 ล้านบาท และเงินฝากประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทิสโก้สามารถต่อยอดธุรกิจและเพิ่มช่องทางการบริการให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ ในไตรมาส 3 ปี 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% จากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลัก ประกอบกับการตั้งสำรองหนี้สูญที่ปรับตัวลดลง รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 8.5% สาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น 7.8% จากการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุนเติบโต 19.2% จากการออกกองทุนที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า ในขณะเดียวกัน การตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 44.0% ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแผนการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2560 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 4,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.0% จากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้จากทุกภาคธุรกิจ รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 8.5% จากการเติบโตของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจจัดการกองทุน อีกทั้ง การตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 36.4% ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำที่ 42.1%
แบงก์ธนชาต  ปลื้ม Q3/60 กำไรโตติดต่อกัน 11 ไตรมาส  ส่วน NPL ลดลงเหลือ 2.11%

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต (TBANK) กล่าวว่า กำไรสุทธิของธนาคารและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/60 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,533 ล้านบาท เติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 11 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.06% จากไตรมาสก่อนหน้า และปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.34% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 
ขณะที่งวด 9 เดือนปี 60 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สินเชื่อในงวด 9 เดือน เติบโต 1.13% ซึ่งดีขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาเหลือเพียง 2.11% และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ในระดับสูงถึง 20.01%
ไตรมาสนี้เป็นอีกไตรมาสที่ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์กลุ่มธนชาตที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ส่งผลให้ธุรกิจหลักของธนาคารเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง มีการเติบโตของสินเชื่อพร้อมไปกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ ด้วยระบบการอนุมัติสินเชื่อและระบบการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ  
รวมถึงระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรอง (PPOP) ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 13.44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากฐานรายได้รวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับตัวลดลง 
ยังมีต่อ............. 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้