ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews: "เกศรา" มองหุ้นไทยปีหน้าสดใส -CLSA คาดเห็นSETสัมผัส 2,000 จุด

11 ต.ค. 2560 17:52:44 876

HotNews: "เกศรา" มองหุ้นไทยปีหน้าสดใส

-CLSA คาดเห็นSETสัมผัส 2,000 จุด

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 ตุลาคม 2560 ) --------"เกศรา" ชี้หุ้นไทยยืนเหนือ 1,700 จุด หลังนายกฯประกาศจัดเลือกตั้งปลายปี 61 มองปีหน้ายังสดใส เชื่อปัจจัยในประเทศช่วยหนุน ด้าน "ปริญญ์ พานิชภักดิ์" แห่ง CLSA คาด SET ปีหน้า มีลุ้นแตะ 2,000 จุด หลังศก.ฟื้น -แผนผลักดัน EEC ดึงความมั่นใจนลท.ต่างชาติ

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุด เนื่องจากได้รับปัจัยสนับสนุน หลังนายกรัฐมนตรีประกาศความชัดเจนถึงการจัดเลือกตั้งไนช่วงปลายปี 61 และยังมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับ จากภาคการส่งออกที่เติบโตขึ้นในระดับที่ดี และการลงทุนภาครัฐที่เริ่มทยอยลงทุน เป็นปัจจัยที่หนุนทำให้เศรษฐกิจโต ประกอบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap)ของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบันมีถึง 16.7 ล้านล้านบาทจำนวนบริษัทจดทะเบียน 736 บริษัท สะท้อนการเติบโตขึ้นสูงมาก จาก 23 ปีก่อนที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(Market Cap)เพียง 3.2 ล้านล้านบาท หรือมีบริษัทหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดราว 200-300 บริษัท

ทั้งนี้มองว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลถึงดัชนีฯ ให้มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้ ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ มาจากปัจจัยในประเทศ อาทิ นโยบายการลงทุนของภาครัฐบาลอย่างโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC),โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ สนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชนในโครงการดังกล่าวอีกด้วย และภาคการส่งออกเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งภาคการบริโภคจะยังคงฟื้นตัวขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนให้หันกลับมาบริหารจัดการพอร์ตของตนเอง โดยดูผลตอบแทนของหุ้นแต่ละตัวที่ถืออยู่ว่าให้ผลตอบแทนเหมาะสมตามที่นักลงทุน ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลของบริษัทเพื่อเข้าใจการดำเนินธุรกิจจิงบริษัทให้ละเอียดและดูผลการดำเนินงานย้อนหลังเพื่อคาดการแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการของบริษัท และดูปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนและลดความเสี่ยงในการลงทุน

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CLSA เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปี61 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 2,000 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ จากเคยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 1,789.16 จุดในปี 2537 โดยมองว่าปัจจัยสนับสนุนจะมาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) และพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่จะมีการเติบโต จากการผลักดันโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) ซึ่งเป็นโครงการที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจมาก ทำให้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) เข้ามาเป็นจำนวนมาก

" ปีหน้ามองว่าดัชนีฯ 2,000 จุดเป็นไปได้ แต่ยังอยู่ระหว่างประเมินเป้าหมาย ต้องดูหลายๆอย่าง อย่างราคาน้ำมันก็มีวี่แววที่จะปรับเพิ่ม ส่วนด้านการบริโภคภายในประเทศก็ฟื้น แถมบริษัทใหญ่ๆก็ยังทำกำไรได้ดี ซึ่งเพียงแค่การทำกำไรของบจ.นั้น ก็สามารถผลัดดัน Indexให้ขยายตัวได้ราว 10-15% แล้ว และยังมีการลงทุนของภาครัฐที่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามต้องดูว่าทุกอย่างนั้นจะออกมาจริงหรือไม่ ถ้าทุกอย่างออกมาจริงตามแผน ดัชนีหุ้นไทยนั้น 2,000 จุด ได้แน่นอน " นายปริญญ์ กล่าว

ส่วนปัจจัยด้านการเลือกตั้ง หลังนายกรัฐมนตรีได้ประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะมีขึ้นในช่วงปลายปี61 ถือเป็นเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ ทั้งในตลาดหุ้นและเครื่องมือการลงทุนประเภทต่างๆ แต่ปัจจัยการเลือกตั้งในปี 61 อาจจะไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ อาจจะมาจากความมั่นใจในการลงทุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนใน EEC การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่ผลักดันดัชนีฯให้เพิ่มขึ้นมากกว่า

ขณะที่แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยยังมีทิศทางการเติบโตขึ้นจากปีนี้ จากการส่งออกที่ดีขึ้นตามทิศทางของการค้าและเศรษฐกิจโลกที่จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลัก อาทิสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น

ส่วนการบริโภคในประเทศเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับการที่ภาครัฐได้พยายามออกนโยบายที่เสริมศักยภาพของประเทศไทยในระยะยาว ได้แก่ การปฏิรูประบบราชการ การลงทุนด้านการศึกษา และการพัฒนาวิชาชีพและแรงงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น มาตรการช็อปช่วยชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเน้นมาก

ด้านคำแนะนำในการลงทุน มองว่าปีหน้า หุ้นกลุ่มนิคมอุตสหากรรม อาทิ WHA AMATA เป็นหุ้นที่โดดเด่น ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังสามารถเติบโตได้สูงตามโครงการรัฐต่างๆ แนะนำ STEC

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี แนะนำ PTTGC IVL IRPC ,กลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนะนำ KKP TISCO TCAP

นอกจากนี้กลุ่มค้าปลีก เป็นหุ้นที่น่าสนใจจากการเติบโตดีตามภาคบริโภคที่ขยายตัว แนะนำ MC MAJOR ROBINS

นายสมิทธิ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปี61จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,600 จุดถึงต้น 1,800 จุด โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ว่าจะเติบโตมากน้อยเพียง

ส่วนความชัดเจนการจัดการเลือกตั้งในช่วงปลายปี61 ที่มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศจัดเลือกตั้ง มองว่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในนโยบายต่างๆของรัฐบาลมากขึ้น

ขณะที่ยังต้องติดตามความคืบหน้านโยบายการลงทุนของภาครัฐบาลที่แผนลงทุนและพัฒนาโครงการต่างๆเพื่อผลักดันอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ(GDP) อาทิโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC),โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ สนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)และโครงการอินฟราซัคเจอร์ เป็นต้น

สำหรับปัจจัยในต่างประเทศ ต้องติดตามนโยบายของนายโดนัลล์ ทรัมป์ ที่ปัจจุบันยังคงมีความผันผวนค่อนข้างสูง และอาจเป็นปัจจัยกดดันแก่เศรษฐกิจโลกได้อยู่ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องติดตามปัจจัยดังลก่าวอย่างใกล้ชิด

---จบ---