สัมภาษณ์พิเศษ : “กอบเกียรติ บุญธีรวร” COME BACK...
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 17 มกราคม 2562)-------“กอบเกียรติ บุญธีรวร”ชายผู้คร่ำหวอดในวงการค้าหุ้นเมืองไทยมายาวนานกว่า 20 ปี วันนี้เขากลับมาแล้วในฐานะ CEO ใหม่แกะกล่องของ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ จำกัด เขาพูดอย่างถ่อมตัว " ผมเองก็ต้องเข้ามาพิสูจน์ฝีมือ และทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์เอเชียเวลท์มั่นใจว่าธุรกิจสามารถเดินต่อได้ และทำกำไร " ขอเชิญคุณผู้อ่านติดตามบทสัมภาษณ์พิเศษฉบับเต็มแบบอย่ากระพริบตา......
Q : ทำไมคุณกอบเกียรติถึงกลับมาสู่ธุรกิจหลักทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง
A : ตั้งแต่ปี 2557 ที่ได้อำลาจากบริษัทหลักทรัพย์เออีซี ผมเองก็ได้ออกไปทำธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินส่วนตัวกับเพื่อน อยู่ข้างนอกมาประมาณ 4 ปี ถือได้ว่าผ่านโลกมาเยอะ ทั้งนี้พอวงการนี้ขาดคน บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เรียกไปคุยว่าสนใจมาช่วยฟื้นฟูปรับปรุง และทำให้มันดีขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนถ่ายผู้บริหาร ผมเองมารับช่วงเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 หลังจากที่สำนักงานก.ล.ต. เห็นชอบ ผมก็ได้เข้ามาทำงานทันทีในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นงานที่ท้านทาย และต้องฝึกความสามารถ ว่าเราสามารถที่ทำให้ธุรกิจซึ่งในขณะนี้ อย่างที่ทราบนะครับ ว่ามีการแข่งขันกันสูง ผมเองก็ต้องเข้ามาพิสูจน์ฝีมือ และทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์เอเชียเวลท์มั่นใจว่าธุรกิจสามารถเดินต่อได้ และทำกำไร
Q : ตัดสินใจนานไหม กว่าที่จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO เอเชียเวลท์
A : จริงๆแล้วผมเองก็ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน และใช้เวลาตัดสินใจแค่อาทิตย์เดียว ซึ่งผู้ถือหุ้นก็ให้ความมั่นใจและให้ความเชื่อถือผมว่าจะช่วยให้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ กลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังจากที่มีผลขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง
Q : สำหรับภารกิจแรกในฐานะ CEO ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชียเวลท์ ที่จะทำคืออะไร
A : ผมคงต้องสร้างโครงสร้างรากฐานรายได้ของบริษัท โดยที่ผ่านมาเราอาจจะทำธุรกิจแค่ค้าหลักทรัพย์อย่างเดียว แต่ต่อจากนี้ไปเราจะเดินหน้าทำธุรกิจทุกประเภทที่เราสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ IB การค้าตราสารหนี้ และธุรกิจเกี่ยวข้องDerivative โปรดักส์ต่างๆ ตลอดจน จะต้องหานวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาเสริมให้ลูกค้าของเราได้ใช้ประโยชน์ เจ้าที่การตลาดจะได้ไอทีและไอเดียใหม่เข้ามาช่วยเสริม แนะนำลูกค้าในการลงทุน เพราะผมมองว่า ธุรกิจหลักทรัพย์ ไม่ได้เพียงแค่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เท่านั้น ธุรกิจหลักทรัพย์นั้นทำได้กว้างมาก ถ้าพูดถึงใบอนุญาตเรามีเป็นสิบใบอนุญาติ อยู่ที่ว่าเรามีความพร้อมในเรื่องของบุคคลากร ตลาดเปิดกว้างให้เราเข้าไปทำได้อีกมากมาย ถ้าเราพร้อม มีบุคลากร และเทคโนโลยีพร้อม ผมเชื่อว่าจะนำพารายได้เข้าบริษัทอีกทางหนึ่ง
Q : การทำธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ IB ตรงนี้เรามีความพร้อมขนาดไหน
A : เราได้มีทีมงานมาเริ่มกับเราเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมาจำนวน 2 ทีม และเป็นนิมิตหมายอันดีที่เราจะได้แอคติเวท ไลน์เซ่นของเรา ขึ้นมา และจะนำพาดีลต่างๆเข้ามาให้ลูกค้าของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็น IPO,M&A, FA เป็นที่ปรึกษาการเงิน ทำแวลูเอชั่นให้กับลูกค้า ซึ่งจริงๆธุรกิจ IB ตอนนี้มีคนทำน้อยกว่าดีลที่มีอยู่ในตลาด ดังนั้นช่องทางการสร้างรายได้ มันมีเยอะ มีเพียงแต่ว่าคนทำมีน้อย เพราะฉะนั้นธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และเอื้อกับธุรกิจโบรกเกอร์ด้วย
Q : IPO เราจะมุ่งเน้นไหม
A : IPO ตอนนี้ทีมงานของเราก็มีดีลอยู่ในมือ ซึ่งตรงนี้เราเชื่อว่ามันมาเรื่อยๆ เพราะธุรกิจนี้อย่างที่ทราบว่าตลาดมีบริษัทต่างๆพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผมเชื่อว่า เอเชีย เวลท์ เป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่จะนำบริษัทต่างๆเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และนักลงทุนจะได้มีตัวเลือกของหลักทรัพย์ที่จะลงทุนด้วยครับ ใช้เวลาไม่นาน เพราะบางดีลก็เป็นดีลที่ติดตัวมากับทีมผู้บริหาร ลูกค้ามีความเชื่อมั่นกับผู้บริหารทีมนี้ ก็อาจจะเปลี่ยนใจมาใช้บริการของเรา เพราะฉะนั้นเราจะสามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้เร็วขึ้น
Q : แล้ว ICO ตรงนี้มีความสนใจที่จะทำหรือไม่
A : จริงๆธุรกิจนี้เป็นธุรกิจใหม่ ทางการเองก็ต้องการศึกษาและโปรโมทนะครับ เพราะเราคงจะทวนกระแสของการเงินโลกไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางสำนักงาน ก.ล.ต. ก็กำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างขะมักเขม้น เราเองก็ได้ทีมงานที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เข้ามาช่วยเราในการที่จะเป็นโบรกเกอร์หรืออาจจะเป็น โบรกเกอร์รายแรกก็ได้ ในการมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจนี้ ด้วยการให้ความรู้และระดมทุน ให้กับผู้ประกอบการนะครับ ที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจ ICO และต้องมีการขอใบอนุญาตเพิ่มเติมจาก ก.ล.ต. ตามระเบียบ ตามขั้นตอน ซึ่งร่างกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ก็อยู่ในขั้นตอนต่างที่กำลังทบทวน และกำลังเฮียริ่งกันอยู่
Q : แล้วในส่วนของธุรกิจค้าตราสารหนี้ ตอนนี้มีการดำเนินการอย่างไรแล้วบ้าง
A : เราคงจะมีการยื่นแอพพลายกับทางการอีกครั้งหนึ่ง เรามีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในขณะนี้ และพร้อมที่จะขอใบอนุญาตมารีแอคติเวทธุรกิจ เพราะฉะนั้นเราเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารที่เรามีอยู่แล้ว เพราะเค้ามีฐานลูกค้าที่อยู่ในมือค่อนข้างมาก
Q : การกลับมาครั้งนี้จะทำให้อุตสาหกรรมค้าหุ้นต้องระแวดระวังหรือไม่ ว่า "พลังดูดมาอีกแล้ว"
A : เรื่องนี้ ต้องเรียนแบบนี้นะครับว่า ในอุตสาหกรรมนี้ ถ้าจะมองว่ามีเค้กอยู่ก้อนเดียวคงจะแคบเกินไป จะเห็นได้ว่านักลงทุนสมัยใหม่ โดยเฉพาะอายุ 30 ปี ขยายตัวมากขึ้น ผมเชื่อว่าเค้กมันก้อนใหญ่มาก เพียงแต่ว่าแต่ละท่านอาจจะไปมุ่งไปเจาะกับเค้กก้อนเดิมๆ เพราะฉะนั้นตลาดมันใหญ่ ลำพังผมคนเดียวทานไม่หมดครับ และการที่เราเข้ามาในตลาดเราไม่ได้หวังไปแย่งชิงของใคร แต่เรามุ่งที่จะให้บริการลูกค้าของเราที่มีอยู่แล้ว และหาตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้น ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่การตลาดของเราได้รับการฝึกอบรม ได้ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เราจะหยิบยื่นให้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน AI เทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนให้เค้ามีศักยภาพในการแนะนำลูกค้า และให้เค้าติดใจเอเชียเวลท์ เพราะเอเชียเวลท์เองเน้นคุณภาพการให้บริการครับ
Q : ธุรกิจ DW สนใจไหม
A : ในส่วนของ DW เราก็มีความสนใจ เราก็ได้มีการเตรียมบุคลากรเข้ามาเสริมทีม ในด้านนี้ เพื่อทำให้เอเชียเวลท์ มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพราะถ้าเรามีผลิตภัณฑ์แค่ 1-2 อย่างลูกค้าก็ไม่อยากจะมา ใช้บริการเรา แต่ถ้า เข้ามาแล้วมีทุกอย่างให้เลือกใช้บริการ และเป็นบริการที่มีคุณภาพ เชื่อว่าลูกค้าจะติดบริษัท
Q : สาขาล่าสุดของ เอเชีย เวลท์ ล่าสุดที่จะเปิดให้บริการ มีทั้งหมดกี่สาขา
A : ปัจจุบันนี้เรามีประมาณ 10 สาขา โดยจะเป็นปริมณฑล 5 สาขา ต่างจังหวัด 3-4 สาขา และเราก็ไม่ได้เน้นการขยายสาขาให้ไปทุกๆจังหวัด แต่เราจะให้ลูกค้าทุกจังหวัดมาใช้บริการเราได้ ผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งเราก็ต้องเน้นที่จะพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันเราก็พยายามอยู่แล้ว ไม่ว่าที่ไหนในโลก นี่เป็นสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะไม่เปิดสาขาทุกจังหวัดเพราะจะมีค่าใช้จ่ายตามมา แต่เราจะพัฒนาระบบไอที แล้วลูกค้าก็จะตามมา
Q : สำหรับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในปีหมูทอง มองอย่างไรบ้าง
A : หลายๆท่านอาจจะมีความกังวลว่าตลาดปีนี้จะเป็นขาลงหรือเปล่า ภายใต้วิกฤตก็มีโอกาสเสมอ ประเทศไทยก็อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงเป็นรอยต่อ ของทางด้านการเมืองก็จะมีเลือกตั้งในเร็วๆนี้ ทิศทางการเมืองก็จะเปลี่ยน ผลเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ก็คงมุ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน เพราะถือเป็นผลงาน เพราะฉะนั้นเองเชื่อว่านักธุรกิจเองที่ได้ลงทุนไป เมื่อปีสองปีที่ผ่านมาก็คงมีความเชื่อมั่น เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจบ้านเราเอง แน่นอนว่าเราพึ่งพาตัวเอง แต่การลงทุนของต่างประเทศก็มีส่วน การที่รัฐมีการขยายโครงสร้างพื้นฐาน ในการลงทุนเข้าไปหลายล้านๆ สิ่งนี้จะส่งผลทางอ้อม ให้กับระบบเศรษฐกิจของเรา เพราะฉะนั้นตลาดหุ้น แน่นอนว่าหุ้นหลายๆเซ็กเตอร์ จะได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอนซูเมอร์ อินฟราสตรัคเจอร์ หรือแม้แต่ระบบสื่อสาร ในเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆก็จะได้ประโยชน์ ตลาดหุ้นเองผมเชื่อว่า ขาลงขณะนี้กำลังจะ Pick Up นักลงทุนอาจจะกังวลว่าหลุดเส้นแนวรับ แนวต้านแล้วจะเป็นไงต่อ ถ้าท่านเป็นนักลงทุน ไม่ใช่นักเก็งกำไร ท่านหาจังหวะเข้า ผมเชื่อว่าถึงปลายปีผลตอบแทนดีแน่นอน แต่ถ้าเป็นนักเด้งกำไรรายวัน ก็อาจจะต้องหวั่นไหวผันผวนไปตามภาวะตลาดรายวัน เพราะถ้าดาวน์โจนส์ลบ 700 800 จุด เราก็ลบตาม บวก 700 800 หุ้นเราก็บวกตาม แต่เดี๋ยวนี้ตลาดหุ้นเริ่มไม่เป็นอย่างนั้นนะ เพราะทุกอย่างมันอยู่บนพื้นฐานของบริษัทที่ดี ก็จะไม่ลงตามความผันผวนของตลาด และผมเชื่อว่าผลตอบแทนปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
Q : เป้าดัชนีฯ ในปีนี้น่าจะไปไกลสุดเท่าไหร่
A : ผมเองก็ยังมองโลกในแง่ดีนะ มันน่าจะไปถึง 1800 จุดได้ เพราะปัจจุบันอยู่ที่ เกือบ 1600 จุด เพราะฉะนั้นอีกแค่ 200 จุด อีก 10 % ไม่น่าจะยาก ตอนนี้บริษัทที่อยู่ในตลาดเอง บิ๊กแคปทั้งหลายก็มีความแข็งแรง ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยอดขาย การทำรายได้ต้นทุนการผลิตต่างๆ ดังนั้นกำไรต่อหุ้นน่าจะดีขึ้น
----จบ---
By: ธาราทิพย์ พิพัฒน์ / สุกัญญา ศิริรวง
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68