Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ: ก้าวต่อไปของ QLT “สรรพัชญ์ รัตคาม”

9,007



สัมภาษณ์พิเศษ: ก้าวต่อไปของ QLT      “สรรพัชญ์ รัตคาม”


                  แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะวุ่นวาย และเศรษฐกิจภายในประเทศจะยังชะลอตัวบ้างในบางธุรกิจ แต่บอสใหญ่อย่าง “สรรพัชญ์ รัตคาม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) หรือ QLT ก็ไม่หวั่น ยังคงเดินหน้า นำทัพ ดำเนินธุรกิจของ คลอลลีเทค ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ล่าสุดวางแผนเล็งขยายธุรกิจสู่ประเทศอาเซียน ด้านธุรกิจภายในประเทศก็ไม่น้อยหน้า เร่งปรับเงินเดือนให้กับพนักงาน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับพนักงานให้เพียงพอกับคุณภาพการทำงาน  ขอเชิญทุกท่าน....อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆๆ เกี่ยวกับแผนการทำงานของ QLT ได้เลยคะ


***วางแผนธุรกิจในปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง***
    ธุรกิจของเราคือการทดสอบและตรวจรับรองสำหรับงานก่อสร้างและตรวจสอบเครื่อง จักร โรงงาน อุปกรณ์ และเครื่องจักรต่างๆ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ทำอุปกรณ์โมดุลส่งออกต่างประเทศ ซึ่งลูกค้าหลายรายได้งานประเภทนี้ ทำให้การความต้องการในการทดสอบงานยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่าตัวเราเองเราสามารถหางานในระดับที่พึงพอใจ เพียงแต่เราเองมีปัญหาเรื่องคน เนื่องจากคนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของเราดำเนินการต่อได้ เพราะเราไม่สามารถจะไปหาซื้อเครื่องมือมาแล้วไม่มีคน แต่เรามีคนแต่ไม่มีเครื่องมือก็ได้
ปีนี้ผลประกอบการไม่ดีเหมือนปีที่ผ่านมา ปิดตัวเลขปี 56 น่าจะใกล้เคียงของปี 55 แต่กำไรไม่น่าจะดีเท่าปี 55 เพราะปี 56 มีการปรับเงินเดือน จากการที่มีผลจากการขึ้นค่าครองชีพ ประกอบกับภาวะอุตสาหกรรมบูมมาก อุตสาหกรรมบางอย่างเติบโตผิดปกติ พอผิดปกติสิ่งที่เขาทำคือต้องการแรงงาน และจ้างแพง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆทำให้เกิดการเปลี่ยนงานค่อนข้างบ่อย เราสูญเสียคนค่อนข้างเยอะ ดังนั้นก็พยายามจะปรับเงินเดือน ต้องค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่รายได้ของจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่กำไรไม่น่าจะดีขึ้น

     ปีนี้เรายังมองเห็นภาพการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และความสามารถว่าจะสามารถรักษาคนไว้ได้อย่างไร เราเป็นห่วงว่าเงินเขาจะเพียงพอไหมกับค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ หากเขาไม่มีเงินเพียงพอใช้จ่าย สิ่งที่ตามมาก็คือจะทำงานไม่มีคุณภาพ ฉะนั้นปีนี้เองก็ยังปรับเงินให้กับพนักงาน ถ้าเรายังรักษาคนไว้ได้โดยเฉพาะคนที่มีประสบการณ์ ฐานการทำงาน เราน่าจะพัฒนาต่อได้ ถ้าเกิดเรามีคนอยู่ 350 คน เราไม่ปรับขึ้นเงินเดือน พนักงานก็จะลาออก เราก็หาคนใหม่ หาคนใหม่ก็ยาก คนที่เข้ามาใหม่ก็ยังไม่มีความสามารถเท่าคนที่ออกไป งานก็ไม่มีประสิทธิภาพ แทนที่จะได้งานที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจของเราใช้คนทำงานต้องพัฒนาและใช้เวลา 2-3 ปี ถึงจะพัฒนาได้ นั่นคือสิ่งที่ต้องทำในปีนี้ คิดว่ามีผลที่ต้องทำสัก 1 ปีคือปีนี้กับปีหน้า

***ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตเท่าไร***
    ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5% จากปี 56 ส่วนปี 56 ใกล้เคียงกับปี 55 เราอาจจะไม่เติบโตมาก เนื่องจาเราปรับเงินเดือนให้กับพนักงานที่มีอยู่ประมาณ 350 คน ที่เงินเดือนถึง 30,000 บาท

***บริษัทมีแผนกระจายความเสี่ยงอย่างไรบ้าง***
    เราเองก็พยายามดูหลายปัจจัย พยายามจะทำ แต่ยังไม่เจอ เราเองมั่นว่าเราทำในสิ่งที่ไม่รู้จริงจะมีความเสี่ยงสูงมากกว่า เราอยากจะไปทำในธุรกิจอื่นที่อาจจะเป็นกระจายความเสี่ยงออกไป แต่ปัญหาคือว่าอะไรเป็นสิ่งที่เหมาะกับเรา เรายังหาไม่เจอ ผมเชื่อว่าถ้าเราจะทำอะไรแล้ว นอกจากโอกาสแล้วเราต้องรู้ และผมก็ต้องวางใจคนที่ผมจะร่วมทุนด้วย
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามีคุยมา 2-3 โปรเจ็ค แต่เราพบว่าโปรเจ็คพวกนั้นไม่ได้กระจายความเสี่ยงออกไปมากนัก

***ปี 2558 บริษัทจะขยายธุรกิจสู่ประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนบ้างไหม***
    เรามองไว้ที่ประเทศเวียดนามกับพม่า เนื่องจาก 2 ประเทศนี้มีการพัฒนาไปแล้ว ซึ่งเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีการเจริญเติบโตไปแล้วอย่างประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย เราคงไม่สามารถเข้าไปได้ แต่สิ่งที่เราเห็นคือพม่ากับเวียดนาม เราตั้งบริษัทลูกและร่วมงานกับคนในพม่า ซึ่งตั้งในประเทศไทยแล้วไปทำงานในพม่า เพื่อลดความเสี่ยง ตรงนี้ทำมาได้ 2-3 ปีแล้ว งานก็ยังไม่สม่ำเสมอ จบงาน 1 งานเราต้องหางานใหม่ ยังไม่เกิดความต่อเนื่องมากนัก

***คาดว่าสัดส่วนบริษัทลูกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นหรือไม่***

    คิดว่ายังไม่ขึ้น อาจต้องอีก 2-3 ปี ต้องให้อินฟราสตรัคเจอร์เขาเริ่ม ประเทศพม่าเริ่มเปิดประเทศ สิ่งที่เขาทำคือเขามีทรัพยากร และมีสัมปทาน พวกขุดเจาะเขาถึงจะเข้าไปทำได้ อย่างมีโรงไฟฟ้าขึ้นมา คนใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ไหน ระดับไหน จะขายให้กับผู้บริโภคที่เป็นประชาชนรายได้ก็ยังไม่เยอะ แต่สิ่งที่จะขาย แล้วทำกำไรคือมีอุตสาหกรรมมารองรับ หลายอย่าง ต้องรอน้ำ รอไฟ รอถนนใช่ไหมครับ พวกนี้ต้องค่อยๆตามมา ผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมของผมคนจะต้องการมากก็ต่อเมื่อ 3 ปีขึ้นไป ถ้าเรามีโรงกลั่นน้ำมัน โรงปิโตรเคมี การที่ทำในประเทศการแข่งขันก็ตามมา ตอนที่พม่าปิดประเทศ อยู่ได้โดยมีการสนับสนุนจากประเทศสิงคโปร์และประเทศจีน เข้ามาบุกเบิก ได้สัมปทานในการเดินท่อแก๊สจากทางภาคใต้ไปคุนหมิง ปัจจุบันก็เดินแล้วเกือบเรียบร้อย เมืองมัณฑะเลย์เกือบจะเป็นเหมือนเมืองจีนแห่งที่ 2  เขายึดครองเศรษฐกิจเยอะแล้ว

***สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเยอะหรือไม่***

    ไม่เยอะ สำหรับเราเอง สิ่งที่คิดไว้ เราไม่ได้หวังพึ่งรายได้จากตรงนั้น เราต้องทำตรงนี้เป็นปูพื้นฐานไปก่อน ไม่คิดว่าส่งคนของเราไปทำที่นั่นประจำ เราต้องคิดเอาคนที่นั่นมาพัฒนา ฝึกตั้งแต่เป็นวิศวกร ไต่เต้าเป็นเติบโตขึ้น สัดส่วนของบริษัทลูกแบ่งสัดส่วน 49:51 เรา 51% เราพยายามคุยกันนอกจากธุรกิจนี้เราทำอย่างอื่นอีกได้ไหม ซึ่งเรายังหาจุดลงตัวไม่ได้ เขาอยากได้อะไรที่เป็นจุดชัดเจนของกำไร แต่เรายังไม่มีเพราะยังไม่มีความัดเจนครับ

***ทำไมถึงมองการขยายธุรกิจไปที่ประเทศพม่าและเวียดนาม***

    เพราะเป็นประเทศในแง่ของการพัฒนาเรื่องของอุตสาหกรรมที่สู้เราไม่ได้ เขามีแหล่งน้ำมัน แก๊ส บรูไนก็มี แต่ไกล สำหรับ 2 ประเทศนี้เราได้เปรียบเรื่องการขนส่งเพราะอยู่ใกล้เรา

***ดำเนินการถึงไหนแล้ว***

    เรามี 2 ประเทศนี้เป็นหลัก ตอนนี้ พม่าผมก็พยายามเข้าไป เพื่อศึกษาหาข้อมูลและมองดูโอกาสเพิ่มเติม ที่เวียดนามก็ไปมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้ก็เหมือนเข้าไปศึกษาหาข้อมูลและกำลังหาพาร์ทเนอร์มากกว่า เพราะว่าการทำธุรกิจพวกนี้ ไม่ใช่พร้อมจะเข้าไปก็เข้าไปได้เลย ผมไม่คิดแบบนั้น กะว่าหาคนที่คุยกันรู้เรื่องทำธุรกิจใกล้เคียงกันเข้าไปช่วยกันทำ และพัฒนาร่วมกันมากกว่า ผมไม่คิดว่าจะทำธุรกิจแล้วถือหุ้นใหญ่ในต่างประเทศนะ เราไปแต่ละประเทศเราจะทำอะไร ต้องคิดว่าจะทำให้เขาเติบโตได้มากน้อยขนาดไหน

***มองธุรกิจในประเทศปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง***

    มองว่าปีนี้ธุรกิจในประเทศยังสดใสมากสำหรับภาคอุตสาหกรรมประเภทของผม เนื่องจากลูกค้าของเรามีโมดุลที่ตัว เขาลงทุนซื้อโรงงานใหม่แถวสามกอล์ฟสัตหีบ เกือบพันไร่ เพราะเขาเน้นทำอุปกรณ์โมดุลในการส่งออก ใครที่มีพื้นที่ในการทำงานที่มีพื้นที่ติดกับทะเลน้ำลึกได้เปรียบ โมดุลคือโครงสร้างเหล็กใหญ่ๆ เขาต้องมาประกอบ เหมือนกับโรงงาน เมื่อก่อนเราทำโรงงาน เอาท่อมาเหล็กไปวางเชื่อมที่นั่น เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ออกแบบให้เสร็จ เหมือนตึก โครงเหล็กมีท่อมีถึง ลากไปขึ้นแพ ยกขึ้นไป เดินท่อ ต่อท่อ จบ นี่คือโมดุล ประเทศไทยเราทำแบบนี้เยอะ

***การเมืองกระทบต่อธุรกิจหรือไม่***

    มองว่าอาจจะกระทบครับ แต่เป็นผลกระทบระยะยาว แต่ผมเป็นห่วงในแง่การเติบโตอุตสาหกรรมมากกว่า คนที่มาลงทุนในประเภทอุตสาหกรรมในประเทศไทย เดิมไทยเรามีศักยภาพที่มีต้นทุนต่ำ คนเป็นมิตร วัฒนธรรมดีมาก ข้อได้เปรียบพวกนี้เริ่มหายไปต้นทุนเริ่มไม่ต่ำ เราไม่เกิดโครงการ 2.2 ล้านล้านบาท จุดเด่นเราหายไปนะ เรามีจุดเด่นตรงไหนอีก ไทยเราเริ่มมีจุดแปลก ความคิด สังคม เริ่มมีการแตกแยกเยอะ


***บริษัทเตรียมการรับมือกับการเมืองอย่างไรบ้าง***
    จัดการไม่ได้เลยครับเพราะเป็นปัญหาระยะยาว  พยายามทำในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และพัฒนาธุรกิจเราให้ดี พัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง อีกสิ่งหนึ่งคือเคล็ดต่ออุตสาหกรรมของผม คือถ้าน้ำมัน แก๊สในอ่าวไทยจะเป็นอย่างไร ธุรกิจหลักของเราคือลงไปตรวจสอบพวกอุปกรณ์ที่อยู่ในแท่นขุดเจาะน้ำมัน ถ้าแท่นขุดเจาะน้ำมันไม่ทำงาน เรียบร้อยแล้ว ส่วนหนึ่งของรายได้มาจากส่วนนั้น 30-40%

***ทำธุรกิจตรวจสอบเราลงทุนเยอะหรือไม่***
    ไม่ค่อยได้ใช้เงิน ส่วนใหญ่เราเอาไปพัฒนาคน แล้วก็ซื้อเครื่องใหม่บ้าง เครื่องมือใหม่เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งในการให้บริการ เพราะว่าจุดแข็งเราให้บริการแบบหลากหลาย One Stop service ที่มีมาตรฐานที่ดีต้องมาหาเราโดยตรงครับ

***ไลฟ์สไตล์ วันว่างชอบทำอะไร***

    เวลาว่างนั่งเล่นดูทีวี ไม่ค่อยอ่านหนังสือแล้ว เมื่อก่อนจะอ่านหนังสือบ้าง หาเวลาออกกำลังบ้าง พยายามหาโอกาสคุยกับลูก ถ่ายทอดความคิด ปัญหาให้เขารู้ ให้เด็กรุ่นใหม่รับรู้ว่าเราคิดอะไรบ้าง เพราะผมกลัวจังเลยว่าเด็กรุ่นใหม่จะรับอะไรพวกอินเตอร์ต่างๆมามาก ผมก็ทำงานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา คุยกับเขาก็ไม่มีเวลา เลยหาโอกาสคุยกับเขามากๆ

***การบริหารงานเป็นอย่างไร***

    ผมก็จะ 60 แล้ว พยายามจะหาคนที่จะเข้ามา แต่หายากมาก ไม่ว่าธุรกิจไหนก็ตามที ถ้าไม่วางแผนตั้งแต่ต้นก็เริ่มยากแล้ว ไม่อย่างนั้นต้องเอาคนข้านอกเข้ามา ตอนนี้มองไว้ 2-3 คน อยู่ได้ด้วยทีมงานมีความสามัคคี กระจายความเสี่ยง พนักงานประสานงานกันได้ดี นี่คือจุดแข็งของเรา

***ฝากอะไรนักลงทุน***

    สำหรับบริษัทของเรา ธุรกิจเป็นธุรกิจที่มั่นคงเติบโตไปตามความต้องการและปลอดภัยต่อสาธารณะชน พูดได้เต็มปากตั้งแต่ธุรกิจต้มยำกุ้ง แทบจะไม่มีผลต่อธุรกิจเรา เราเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด วางตำแหน่งไว้เป็นหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ ที่ผ่านมาเรามีการปันผลไปประมาณ 60% จากเดิมที่วางไว้ว่าประมาณ 40% ถ้าเรายังไม่มีการลงทุนใหม่ เราจะสามารถจ่ายได้ไม่น้อยกว่านี้ได้

---จบ---

By :มินตรา แก้วภูบาล /ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์

บทความล่าสุด

ความหวัง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เขียวสดใส แรงซื้อหุ้นบิ๊ก แคป หนุนนำ ท่ามกลางนักลงทุน ลุ้นผลเจรจาภาษีระหว่าง..

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้