Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

จับตา! โค้งแรกปี 68 SCC พลิกกำไร

2,249

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (12 เมษายน 2568)-------4 เซียนหุ้น วิเคราะห์ผลงานโค้งแรกปี 68 ของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะพลิกกำไร หลังธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจ Packaging ฟื้น ขณะที่ประเมินผลกระทบภาษีตอบโต้ค่อนข้างจำกัด เหตุสัดส่วนรายได้ส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 1% ด้านแรงกดดันต่อ Spread ปิโตรเคมีเหลือไม่มาก เล็งกำไรปี 68 ทะลุ 1 หมื่น ลบ. โดย บล.เอเซีย พลัส ประเมินราคาเหมาะสม SCC ที่ 210 บาท ให้น้ำหนักลงทุน Neutral ด้าน บล.หยวนต้า แนะนำ TRADING คงราคาเหมาะสม 180 บาท ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ คงคําแนะนํา Trading Buy คงราคาเป้าหมายที่ 194 บาท ฟาก บล.ลิเบอเรเตอร์ ชี้มีจังหวะลงทุนช่วงสั้นจากภาพการดำเนินงานที่ฟื้นตัว

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า SCC ภาพรวมผลประกอบการ 1Q68 น่าจะพลิกกลับมากำไรได้อีกครั้ง ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิงวด 1Q68 จะอยู่ที่ 931 ล้านบาท โดยธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กลับมาทำกำไรได้เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการก่อสร้างและไม่มีค่าใช้จ่าย One time ในการปรับโครงสร้างองค์กรเหมือนงวด 4Q67 ส่วนธุรกิจ Packaging รับผลบวกจากต้นทุนเศษกระดาษที่ปรับตัวลดลงและไม่มีค่าใช้จ่าย One time เหมือนที่เกิดขึ้นใน 4Q67

ด้านแผนการรับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของ SCC ที่มีทั้งแผนระยะสั้น ได้แก่ การเร่งเสริมสร้างสินค้าที่แข่งขันได้ การยกเลิก/ขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรเพื่อลดภาระทางการเงิน การลดเงินทุนหมุนเวียนลง การปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในกลุ่มฯ เพื่อลดภาระหนี้สินจากภายนอก คาดหวังจะช่วยลดต้นทุนลงได้ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 และแผนระยะยาวจากการลงทุนโครงการเพิ่มวัตถุดิบการผลิตเพื่อรองรับก๊าซอีเทนมีความคืบหน้าแล้ว ทั้งการจัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง การลงนามสัญญาระยะยาวในการจัดหาก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกา และสัญญาระยะยาวสำหรับเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน โดยคาดโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 2570 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างมาก กลายเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตโอเลฟินส์ที่ใช้ Naphtha เป็น Feedstock อย่าง SCC โดยราคาน้ำมันดิบที่ลดลงทุก 15 USD/บาร์เรล จะทำให้ราคา Naphtha ลดลง 100 USD/ton และทำให้ SCC ประหยัดต้นทุนพลังงานที่เกิดจากการนำ By-product เหลือทิ้งจาก Feedstock Naphtha มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของ Naphthaทั้งหมดได้ถึง 4 พันล้านบาท/ปี มีความน่าสนใจในเชิง Valuation แต่ยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้น จึงให้น้ำหนักลงทุน Neutral ประเมินราคาเหมาะสม 210 บาท

ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ คาด SCC จะรายงานกําไร 1Q25 ที่ 812 ล้านบาท -67% YoY แต่พลิกจาก 4Q24 ที่ขาดทุน 512 ล้านบาท โดย 1) คาดธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และ SCGD ไตรมาส1 มี EBITDA อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท -41% YoY, +7% QoQ โดยลดลง YoY จากสถานการณ์ตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยรวมในประเทศที่ยังหดตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ปรับดีขึ้น QoQ จาก Seasonal ที่ดีขึ้น และบริษัทได้มีการปรับส่วนลดให้กับ Distributors ลดลง (ราคาขายสูงขึ้น) ประมาณ 400 บาท ต่อตันตั้งแต่ช่วง มี.ค. เป็นต้นมา

 

2) คาดธุรกิจปิโตรเคมีในไตรมาส 1 มี EBITDA อยู่ที่ 348 ล้านบาท -70% YoY,-70% QoQ โดยลดลง YoY จาก Spread ที่ยังถูกกดดันและค่าใช้จ่ายโครงการ Long Son Petrochemicals เวียดนาม (LSP) ในขณะที่ลดลง QoQ จากปริมาณขายที่ปรับลดลง จากในช่วง 4Q24 ยังมีสินค้าที่ผลิตจากโครงการ LSP อยู่ แต่บริษัทได้หยุดโครงการดังกล่าวไปตั้งแต่ช่วง ต.ค. 24 ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณขายจะอยู่ราว 4.1 แสนตัน +34% YoY, -26% QoQ

ทั้งนี้ SCC ไม่มีแผนการซื้อหุ้นคืน โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรักษา cash flow ให้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง ตัดขายธุรกิจที่ไม่จําเป็นออกไปและการ Deleveraging  แต่ยังคงเน้นการดูแลผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ

จึงคงราคาเป้าหมายที่ 194 บาท แต่ต้องถือระยะยาว ระยะกลางกําไรอาจจะยังไม่ฟื้น แต่ถ้าผ่านพ้นรอบของวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงไปแล้วจะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นได้อีกครั้ง

 

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาค 1Q25 จะมีกำไรสุทธิ 602 ล้านบาท  -75% YoY จากธุรกิจปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 4Q24 คาดฟื้นตัว QoQ พลิกจากขาดทุน หนุนจากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์, โรงงาน VCM ที่ปิดซ่อมกลับมาผลิต, ต้นทุนวัตถุดิบธุรกิจบรรจุภัณฑ์ลดลง

ทั้งนี้ หาก 1Q25 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 8% ของทั้งปี อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 7.4 พันล้านบาทไว้ก่อน เพราะแนวโน้มกำไร2Q25 เร่งตัวขึ้น เบื้องต้นคาด 2Q25 จะยังลดลง YoY แต่เมื่อเทียบ QoQ คาดยังสามารถฟื้นตัวต่อเนื่อง จาก 1) การปรับตัวลงของต้นทุนน้ำมันช่วยให้ Spread ปิโตรเคมีฟื้นตัว 2) ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาขายปูนซีเมนต์ 400 บาท/ตัน (ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.) 3) รายได้เงินปันผลรับเพิ่มขึ้นรอบจ่ายปันผล 4) ปริมาณขายปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

ส่วนผลกระทบต่อนโยบายภาษีในระยะสั้นยังค่อนข้างจำกัด เพราะ 1) สัดส่วนรายได้ส่งออกไปสหรัฐฯ เล็กน้อย (ราว 1%) 2) แรงกดดันต่อ Spread ปิโตรเคมีเหลือไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมา 1Q25 Spread HDPE และPP อยู่ใกล้เคียงสถิติต่ำสุด เริ่มไม่คุ้มค่าการผลิต โดยเฉพาะผู้ผลิตต้นทุนสูงที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ HVA และไม่มีการบูรณาการสายการผลิต 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ vs จีนอาจส่งผลต่ออุปทานวัตถุดิบก๊าซของโรงงานปิโตรเคมีในจีน 4) ได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ลดลงตามราคาน้ำมัน จึงคงราคาเหมาะสม 180.00 บาท และคำแนะนำ TRADING จาก 1) แนวโน้มกำไร 1H25ฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่อง 2) สงครามการค้าผ่อนคลายระยะสั้นและผลกระทบต่อหุ้นยังค่อนข้างจำกัด อีกทั้ง Spread ได้แรงหนุนจากต้นทุนน้ำมันลดลง 3) ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 0.5 เท่า -1.6 SD และมี Div. Yield 3.4%

 

ปิดท้ายที่ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด  วิเคราะห์ SCC แนวโน้ม 1Q25 คาดฟื้นตัว QoQ ตามราคาต้นทุนลดลง และกลุ่มซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมถึง SCGP ฟื้นตัวเช่นกัน

- กลุ่มซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง : คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นหลัก ๆ จากกลุ่มงานราชการ ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวจากกำลังซื้อ แต่จากการปรับส่วนลดให้ผู้แทนจำหน่ายตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมการดำเนินงานดีขึ้น QoQ

- กลุ่มปิโตรเคมี : แม้จะไม่ใช่ฤดูขาย ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมลดเหลือ 70% จาก 75% ใน 4Q24 แต่ SCC จะมีการใช้กำลังการผลิตมากกว่าอุตสาหกรรม อีกทั้งส่วนต่างราคา HDPE-นาฟทา ปรับตัวเพิ่ม 4 เหรียญ/ตัน

- กลุ่มบรรจุภัณฑ์ : การดำเนินงานพลิกกลับมาฟื้นตัว QoQ ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงการดำเนินงานของ Fajar อินโดนีเซีย ขาดทุนลดลงจากการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิ 1Q25 จะอยู่ที่ 974 ลบ. ฟื้นตัว QoQ แต่หดตัว YoY

จากแนวโน้มการดำเนินงาน 1Q25 ที่กลับมาฟื้นตัว ทั้งจากธุรกิจหลักโดยเฉพาะซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกินระดับ 400 เหรียญ/ตัน อีกครั้ง ทำให้ภาพการดำเนินงานมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงพอมีจังหวะการลงทุนในช่วงสั้นจากภาพการดำเนินงานที่ฟื้นตัว

 

 

 

///

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้