Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ : จับตากำไรโค้ง 3 "STGT" โดดเด่น ดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง!!

8,625

 

หุ้นอินไซด์----บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของไทยและอันดับ 3 ของโลก เข้ามาโลดแล่นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นพระเอกขี่ม้าขาวที่เข้ามากอบกู้ศักดิ์ศรี หุ้น IPO ให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่หุ้น IPO ในระยะหลังๆ ไม่ได้รับความนิยม หมดมนต์ขลัง หมดเสน่ห์ ทำเอานักลงทุนหลายๆคนไม่มีใครอยากได้หุ้นจองเหมือนสมัยก่อน

 

 

ทั้งนี้หุ้น STGT เปิดเทรดวันแรกที่ 55.25 บาท เพิ่มขึ้น 21.25 บาท หรือ 62.5% จากราคาขาย IPO ที่ 34 บาท/หุ้น ก่อนที่จะมาปิดสิ้นวันที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท หรือ 77.94% เรียกได้ว่าเป็นหุ้นIPO ที่ให้ผลตอบแทนนักลงทุนอย่างเป็นกอบเป็นกำ ส่วนราคาปัจจุบัน STGT พุ่งแรง แซงทุกเป้า ฉีกทุกบทวิเคราะห์ที่นักวิเคราะห์ ตีราคาพื้นฐานไว้แบบทะลุ ทะลวง.....

 

 

สิ่งสำคัญที่ทำให้หุ้น STGT ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม คือปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ ที่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางสำหรับใช้ทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ มีทั้งถุงมือธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จึงเป็นหุ้นที่ตอบโจทย์ ยุค“New Normal” โดยแท้ เพราะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ความต้องการเครื่องมือแพทย์เพิ่มขึ้น

 

 

ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานผลิตทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ โรงงานสาขาหาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โรงงานสาขาสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโรงงานสาขาตรัง ตั้งอยู่ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยโรงงานผลิตทั้ง 3 สาขาของบริษัทฯ มีสายการผลิตทั้งหมด 145 สายการผลิต และมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นอันดับ 3 ของโลก

 



หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ วางแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงาน 3 แห่ง จะขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 50,000ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2567 เป็นมากกว่า 70,000 ล้านชิ้นภายในปี 2571 และเป็นประมาณ 100,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2575 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตรองรับการขยายตลาดทั่วโลก นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง อาทิ ทวีปเอเชียแปซิฟิก แอฟริกา อเมริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งกำลังพัฒนาระบบสาธารณสุขและสุขอนามัยและมีแนวโน้มความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น

 

 

 

 


นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) STGT เปิดใจว่าถึงเป้าหมายธุรกิจว่า บริษัทฯตั้งเป้าจะรักษาการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก โดยเน้นเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติและรักษาสัดส่วนผลิตถุงมือยางไนไตรล์ที่ใช้น้ำยางสังเคราะห์เป็นวัตถุดิบที่เหมาะสม นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ภายในโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต โดยจะยึดถือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Touch of Life’ เพราะทุกสัมผัสนั้นมีความหมายต่อชีวิต และวิชั่นองค์กรที่ต้องการส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัสด้วยความห่วงใย สู่ทุกชีวิตทั่วโลก

 

 


พร้อมระบุว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ พร้อมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนไปขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2567 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ในปี 2575 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 

 


ขณะที่โบรกเกอร์ชั้นนำจากต่างประเทศทยอยออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายหุ้น STGT ไม่ต่ำกว่า 100 บาท โดย CITI ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 145 บาท Credit Suisse ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 142 บาท และ CLSA ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 133 บาท

 

 

ด้านโบรกเกอร์ในประเทศหลายรายปรับราคาประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายอย่างต่อเนื่องพร้อมคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 จะเติบโตอย่างโดดเด่นและมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายหุ้น STGT ที่ 90 บาท โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,700 ล้านบาท เติบโต 158%จากไตรมาสก่อนหน้า และเติบโตถึง 2,500% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และคาดการณ์ STGT จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 2,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123%จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2,150% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเป้าหมาย STGT ที่ 109 บาทต่อหุ้น พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 3/2563 จะเพิ่มขึ้นกว่า 200% จากไตรมาสก่อนหน้า

 

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ ซื้อ และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 เป็น 4,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 664% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปี 2564 อยู่ที่ 7,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับนโยบายการจ่ายปันผล STGT มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามข้อบังคับบริษัทและตามกฎหมาย ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกำไรสะสมของ STGT ที่ปรากฎในงบการเงินเฉพาะกิจการ

 

 

----จบ----
By:อณุภา ศิริรวง

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ความหวัง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เขียวสดใส แรงซื้อหุ้นบิ๊ก แคป หนุนนำ ท่ามกลางนักลงทุน ลุ้นผลเจรจาภาษีระหว่าง..

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้