สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17มิถุนายน2563)-------ตลาดหุ้นสหรัฐสวิงขึ้นลงค่อนข้างผันผวน จากการอัดฉีดเงินรอบใหม่อีก 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงตัวเลขค้าปลีกที่ดีเกินคาด จนตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น 2 วันติดต่อกัน อย่างไรก็ดี  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดย่อม และผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำ เป็นกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

         ผมมองว่า การที่ตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นการปรับตัวขึ้นช่วงสั้น ขานรับข่าวการอัดฉีดเม็ดสร้างงาน สร้างถนน และตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวออกมาในแง่บวก แต่จากการที่ประธานเฟดส่งสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจมีความเปราะบาง และความไม่แน่นอนในการฟื้นของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว โดยดูจากตัวเลขการว่างงานที่สูงมาก และตัวเลขผลผลิตออกมาต่ำ จึงมีความเสี่ยงในการฟื้นตัวอย่างที่ประธานเฟดคาดการณ์ไว้ และสิ่งที่น่ากังวลในระยะยาว คือการก่อหนี้ต่อ GDP เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จึงถือว่ามีความเสี่ยงอย่างมาก และถ้าหากการแพร่ระบาดในสหรัฐยังไม่ดีขึ้น และลากยาวไป จนกว่าค้นเจอวัคซีน เฟดต้องอัดฉีดอีกเท่าไหร่เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แถมธนาคารกลางทั่วโลกตึงดอกเบี้ยต่ำๆ

         ผมเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินวิ่งเข้าสู่ตลาดทุนมากยิ่งขึ้นเข้ามาผลักดันเหมือนกับตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นเอเซีย โดยที่กำไรของบริษัทไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่เป็นการเอาเงินเข้ามาพักในตลาดทุนแทน จึงมีความเสี่ยงเราอาจจะได้เห็นตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดฟองสบู่แตก เชื่อว่าจะยิ่งแก้ปัญหาอยากขึ้นไปอีก ส่วนนักลงทุนไทย เล่นข่าวตลาดหุ้นสหรัฐต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะไม่มีความแน่นอน เห็นบวกๆ จะลบตอนไหนก็ได้ ซึ่งอย่าไปถูกติดกับข่าวมากเกินไป แต่ต้องหันมองบนพื้นฐานความจริง ว่าตราบใดเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ฟื้นตัวจริงๆ หรือค้นพบวัคซีน ความเสี่ยงคงดำเนินต่อไป และการเห็นตลาดหุ้นสหรัฐ หรือบ้านเรากระโดดเป็นจิงโจ้ คงมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆครับ