รวมข้อผิดพลาดในการเทรด 2018...(Part2) By : โค้ชรัฐ รัฐพล พิทยาวิริยะกุล เพจ Stock Rookie
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (15 กรกฎาคม 2562) ----- 6.มองภาพเล็กไป : เคยเป็นไหมครับ เวลาที่เรามองอะไรบ่อยๆ หรือโฟกัสมันอย่างเดียว สิ่งนั่นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นรอบข้าง เช่นเวลาเราติดหุ้นเราก็จะจ้องแต่หุ้นนั้นตลอด หรือเวลาที่ SET ลง เราก็จะจ้องแต่ Short TFEX หรือ PUT DW จนบางครั้งเราลืมที่มองว่ามันลงมาเยอะแล้ว ความได้เปรียบก็ลดลงเรื่อยๆ จนอาจจะต้องมองขึ้นแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งวิธีการแก้คือความรอบคอบ...และต้องพยายามมองหลายๆ ภาพ (ตามทฤษฏีดาว เขาแนะนำให้มอง 3 ภาพ หรือพูดง่ายๆ เราอาจเริ่มที่ TF Week , Day และค่อยเป็นนาที) นอกจากนี้ยังต้องมองภาพรวมตลาด ส่วนตัวผมจะมอง SET TFEX และ PTT เพื่อดูภาพรวมในการวางแผนว่าควรเล่นหน้าขึ้น หรือลง ประกอบกับเรื่องเฟสของพี่ดาว เพื่อช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. ไม่กล้ารันกำไร : ข้อนี้ผมมองว่าขึ้นอยู่กับแผนการตั้งแต่ต้นว่าเราเทรดแบบไหน มีโค้ชท่านนึง ชื่อโค้ชเจมส์ (นามสมมุติ) น้องเขาเก่งมากๆ ในการเทรดแบบ scalping คือซื้อแล้วต้องขึ้น..ถ้าไม่ขึ้นเขาขายคืนเลย เวลากำไรส่วนมากกำไร 2-3 ช่องก็ออกแล้ว เล่นวนอยู่อย่างนี้ วันๆ เทรดเป็น 40 ออเดอร์ แต่เขาสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำวัน เป็นหมื่น เดือนๆ กำไรหลายแสน และเป็นแบบนั้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำได้แบบนั้น ต้องฝึกฝนทั้ง skill และ เรื่องของจิตใจ ผมเองก็ทำไม่ได้ ขนาดเคยไม่นั่งข้างๆ กันยังทำไม่ได้เลย ดังนั้นสำหรับผม ผมว่าทางที่ง่ายกว่าคือการโฟกัสหุ้น เลือกแบบเน้นๆ ทำตามแผน และกล้าถือรันกำไร จำไว้ครับว่าถ้าหุ้นมันขึ้น มันจะไม่ใช่ขึ้นแค่ 1-2 ช่องแน่นอน ลงก็เช่นกันกัน...ผมเองก็ต้องฝึก ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาผมพลาด big shot ไปหลายครั้งมากๆ ปี 2019 สัญญาจะเอาใหม่ ทำงานให้ละเอียดกว่าเดิม
8. เล่นหุ้นไม่เหมาะสมกับตัวเอง : ข้อนี้ไม่มีใครสามารถบอกแทนคุณได้ เราต้องเลือกเองว่าตัวเองเหมาะกับหุ้นแบบไหน ทั้งนี้มันมีหลายปัจจัย ทั้งด้านความชอบ ทักษะ เรื่องใจ หรือเงื่อนไขด้านเวลา อย่างเช่น เราเป็นพนักงานประจำ ไม่มีเวลาเฝ้าจอ ก็ควรเทรดหุ้นใหญ่ SET100 เป็นหลัก แต่ถึงแม้มีเวลาเฝ้าจอ แต่เราไม่ค่อยชอบ stop หรือ stop ลึก ก็ไม่ควรเล่น หุ้นเล็กหรือ W สำหรับผม ผมชอบเล่น DW เพราะผมชอบเล่นหุ้น SET100 และผมเล่นทั้งขาขึ้นและขาลง โดยหุ้น SET100 ผมคิดว่าผมค่อนข้างเข้าใจมัน และสามารถวางแผนการเล่นกับมันได้ ทั้งนี้สำหรับมือใหม่ผมอยากให้เริ่มจากหุ้น SET100 ก่อนแล้วค่อยไปหั้นนอก SET100 MAI และ W ตามลำดับครับ
9. Over Trade : อันนี้จะเป็นปัญหาด้าน Money Management (MM) คือการวางเงินในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง ทั้งนี้จำไว้เสมอว่าต่อให้เราเก่งแค่ไหน ก็ต้องมี cut loss คือมีวันที่ผิดทาง และถ้าเราไม่มีการวางแผนด้านการวางเงินที่ดี วันที่เราเสียเราจะเสียหายหนัก ถึงแม้เปอร์เซ็นคัทลอสจะเท่าๆ เดิม เพราะครั้งที่เราคัทคือครั้งที่เราซื้อเยอะ วิธีแก้ไขของผมเอง ผมจะถอนเงินออกทุกสัปดาห์เพื่อคุมเงินในพอร์ตไม่ให้มากเกินไปจนเกิดการ over trade และถ้าเทรดมาได้สักระยะ จึงมีการรีบาลานซ์พอร์ตอีกที ว่าจะเพิ่มเงิน หรือลดตามความเหมาะสม...การวางเงินที่ดีจะช่วยให้พอร์ตเราเติบโต
10. เทรดได้ๆ โดนๆ พอร์ตไม่ไปไหน : ข้อนี้ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว อยู่ในส่วนของ Money Management (MM) การที่พอร์ตเราไม่โต ส่วนมากมาจากการวางเงินไม่เหมาะสม เวลาได้ได้น้อย เวลาเสียเสียเยอะ และยิ่งถ้าเราไม่มีแผนการ รีบขาย ขาดวินัย ไม่คัท หรือแม้แต่ไปเล่นหุ้นเล็ก W แล้วหละก็ ไม่ใช่พอร์ตไม่โต แต่พอร์ตจะระเบิดเอาได้ ดังนั้น วิธีแก้สำหรับผม คือถ้าเราเมื่อไหร่ที่ผมเสีย ผมจะเริ่มลดพอร์ต แต่เมื่อไหร่ที่ผมเทรดได้ ผมก็ยังไม่รีบเพิ่มพอร์ตนะ แต่ผมจะเทรดไปสักพักจนมั่นใจและค่อย รีบาลานซ์พอร์ตอีกทีว่าควรเพิ่มเป็นเท่าไหร่
จะเห็นว่าทั้ง 10 ข้อจะวนเวียนอยู่ 3 ส่วนคือ ส่วนแรกสุดคือเรื่องของวิธีการ (ส่วนนี้ให้ความสำคัญแค่ 10-20%) ส่วนที่สองคือเรื่องจิตใจหรือ mindset (ส่วนนี้ให้ความสำคัญ 60-70%) และส่วนสุดท้ายคือเรื่องของ Money Management (ส่วนนี้ให้ความสำคัญ 20-30%) โดยส่วนที่สำคัญที่สุดไม่ใช่วิธีการแต่เป็น Mindset ดังนั้นสิ่งที่เราต้องโฟกัสคือเรื่องของจิตใจ ผมเองก็จะฝึกให้เยอะในปี 2019...
ผมหวังว่าข้อคิดทั้ง 10 ข้อนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มาก ก็มากที่สุดนะครับ
โค้ชรัฐ รัฐพล พิทยาวิริยะกุล เพจ Stock Rookie
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68