"ในตลาดหุ้นนั้น..ผู้ชนะที่แท้จริงส่วนใหญ่มิใช่ผู้ที่เรียกตัวเองว่า VI หรอกครับ..ส่วนใหญ่คือ 'ผู้ที่รู้ข้อมูล' หรือสามารถประเมินสถานะการณ์ต่างๆได้รวดเร็วและตัดสินใจได้ก่อนที่จะเกิดอุปทานหมู่..ลองย้อนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองใการเข้าซื้อหรือขายว่า..ทำไมถึงซื้อ-ขาย..ก็จะทราบว่า ส่วนใหญ่ตัดสินใจตามข่าวหรือตามราคาที่เคลื่อนไหวมากกว่าครับ..
ช่วงนี้มีการทำ big lot ของผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทต่างๆ มากมาย หลังราคาขึ้นมาหลายเท่าตัว เป็นสัญญาณที่จะเกิดการปรับตัวของตลาดครับ..เศรษฐียังขายหุ้นตัวเอง..แล้วแมงเม่าจะรออะไรครับ? แนะขายทำกำไรแล้วรอตลาดปรับตัวครับ..ระยะยาวยังดูดี แต่ระยะสั้นน่าจะใกล้ปรับตัวแล้ว..
ช่วงนี้ตลาดปล่อยผีและกลัวหุ้นใหญ่ๆ..เราจะเห็นว่าหุ้นที่เจ้าของใหญ่มีอำนาจและราคาเคลื่อนไหวผิดปกติแบบไร้เหตุผล แต่ก็ไม่มีการขึ้นป้ายเตือนหรือการอธิบายใดๆได้..ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่วันนี้ทั้ง Advanc, Intuch, True ราคาเคลื่อนไหวแบบไร้เหตุผล แต่ตลาดก็นิ่งเฉย..
ในตลาดหุ้นที่มักจะพูดกันว่า 'เป็นการลงทุน..และมีปัจจัยพื้นฐาน มีกำไรรองรับ'..แต่ในความจริงผมว่าเป็นอุปทานหมู่มากกว่า..เพราะการขึ้น-ลงของหุ้นมีปัจจัยอยู่สองอย่าง..1.ความเชื่อของนักลงทุน..2.อุปทานหมู่ของนักลงทุน..ฉะนั้นผู้ที่จะสามารถชนะและสร้างผลตอบแทนได้สูง ก็คือผู้ที่สามารถอ่านพฤติกรรมของตลาดและตัดสินใจได้เร็วกว่าผู้อื่น..ส่วนผลประกอบการหรือตัวเลขต่างๆ นั้น ใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการขึ้น-ลงของหุ้นมากกว่าครับ..เพราะคงไม่มีใครซื้อ-ขายหุ้นเพื่อให้ลูก-หลานเก็บไว้เป็นสมบัติเท่าไรหรอกครับ..
นักลงทุนทั่วไปคงชินกับการเห็นราคาเคลื่อนไหวของหุ้นและหาเหตุผลมารองรับกับการซื้อ-ขายกัน..แต่ไม่ได้ฉุกคิดว่า ทำไมถึงซื้อหรือขายหุ้น..หากลองจดเหตุผลในการซื้อ-ขายหุ้นไว้ แล้วนำมาทบทวน..ส่วนใหญ่ก็จะพบว่าเป็นการตัดสินใจตามข่าวหรือตามราคาที่เคลื่อนไหว มากกว่าปัจจัยอื่นหรือพื้นฐานที่แท้จริง จึงมีโอกาสกำไรน้อยกว่าผู้ที่เตรียมการและทำการบ้านหรือตัดสินใจได้เร็วกว่าในการลงทุน.."
โดย เอกยุทธ อัญชันบุตร
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68