Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

เวทีความคิด

พม่าว่าที่เสือเศรษฐกิจของเอเชีย

3,219



หลังจากที่โดดเดี่ยว และ ถูกลืมอยู่นานกว่า 2 ทศวรรษ หลังจากที่โดนคว่ำบาททางเศรษฐกิจจากประเทศตะวันตก ในที่สุดพม่าก็กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด นับตั้งแต่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกามาเยือนเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่สหรัฐส่งตัวแทนไปเยือนพม่าอย่างเป็นทางการ เป็นสัญญาณว่าพม่ากำลังเปิดประตูกว้างเพื่อรับประชาธิปไตยและโลกตะวันตกมากขึ้น

ก่อนหน้าการมาเยือนของนางฮิลลารี คลินตัน พม่าได้มีการปฏิรูปประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เช่น การดำเนินโยบายผ่อนปรนแก่ชนกลุ่มน้อยมากขึ้น เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ พม่ามีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศโดยให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนต่างๆ รวมทั้งเตรียมปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ล่าสุดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEA Summit) ครั้งที่ 19 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการตกลงรับรองพม่าเป็นประธานอาเซียน ประจำปีพ.ศ. 2557 ก่อนการก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีพ.ศ. 2558 ส่งผลให้พม่ากลายเป็นประเทศที่เนื้อหอมสุดๆ นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกต่างจับจ้อง ความเคลื่อนไหวของพม่าอย่างใกล้ชิด เพื่อหาช่องทางในการเข้าไปลงทุน

ในอดีตภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษในช่วงปีพ.ศ. 2473 ประเทศพม่าเคยรุ่งเรืองเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ประชากรส่วนใหญ่มีการศึกษา และมีการลงทุนจากต่างชาติ แต่แล้วหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พม่ากับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดจากการปกครองของรัฐบาลทหาร นโยบายทางเศรษฐกิจที่ล้มเหลว และการโดนคว่ำบาททางเศรษฐกิจ รายได้ต่อคน (GDP per Capita) อยู่ที่เพียง 804 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อปี เป็นอันดับ 156 ในโลก เปรียบเทียบกับคนไทยที่มีรายได้ต่อหัว 5,281 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว นิยามทั่วไปของคนชั้นกลางที่เริ่มจะมีกำลังซื้อคือคนที่มีรายได้ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ขึ้นไป ส่วนจีดีพี ของประเทศพม่าอยู่ที่ 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เปรียบเทียบกับจีดีพีของประเทศไทยที่ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันพม่ากำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกรวมทั้งนักลงทุนไทยอีกครั้งในฐานะแหล่งลงทุนแห่งไหม่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ นักลงทุนต่างชาติหลั่งใหลเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน และทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ป่าไม้ ดีบุก สังกะสี ทองแดง และอัญมณีจำพวกเพชร พลอย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลผลิตสำคัญของพม่า อีกทั้งประชากรจำนวน 55 ล้านคน ก็ทำให้พม่าเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจและยังมีแรงงานจำนวนมาก

ที่ตั้งของพม่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมีชายแดนเชื่อมต่อกับ 5 ประเทศ และสามารถเข้าถึงประชากร 2.6 พันล้านคน หรือร้อยละ 40 ของประชากรโลก พม่าจึงเป็นประตูสำคัญของทั้งจีนและอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่ต้องการขยายเส้นทางการค้าและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับมณฑลทางตะวันตก เช่น มณฑลยูนนาน ซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล ดังนั้นจึงต้องใช้พม่าเป็นประตูสู่ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย ปัจจุบันจีนนำเข้าน้ำมันร้อยละ 80 ผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นช่องทางที่แออัดและกว้างเพียงไม่กี่กิโลเมตร หลังจากที่ท่าเรือน้ำลึกและระบบการขนส่งระบบรางและระบบท่อส่งก๊าซได้รับการสร้างขึ้นในพม่า จะทำให้เรือขนส่งไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา ซึ่งจะทำให้การขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางและแอฟริกาไปจีนและประเทศลุ่มแม่น้ำโขงเร็วขึ้น และจะช่วยประเทศในอาเซียนเชื่อมต่อกับอินเดียได้ดีขึ้น

ตัวเลขการลงทุนในพม่าของต่างชาติ (Foreign direct investment) ปีพ.ศ. 2554 สูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีพ.ศ. 2553 ที่มีเม็ดเงินลงทุนเพียง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยมีจีนเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่สุดคิดเป็นมูลลค่าสูงถึงร้อยละ 70 ของนักลงทุนต่างชาติ บริษัทข้ามชาติระดับใหญ่หลายราย อย่างเช่น คอมเมิร์ซ แบงก์ เอจี ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาแห่งชาติเยอรมนี (DEG) บริษัท เชฟรอน และเอ็กซอนโมบิล ผู้สำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำของโลก และบริษัทโคคาโคลา ต่างแสดงความสนใจในการไปลงทุนในพม่า

บริษัทไทยก็ไม่น้อยหน้า นำโดยบริษัทอิตัลไทย จำกัด (มหาชน) ที่เดินหน้าก่อสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย หลังศึกษามานานถึง 11 ปี บนพื้นที่ 200,000 ไร่ หรือใหญ่กว่านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดถึง 10 เท่า เฟสแรกใช้งบลงทุนประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรรัฐอเมริกา ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ถนน และ ท่าเรือ จากนั้นจะเปิดรับผู้สนใจร่วมลงทุนใน

อุตสาหกรรมหนัก อาทิ โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมี โรงเหล็ก ซึ่งบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด ได้ยืนยันว่าต้องการมาลงทุนในโครงการนี้ ส่วนบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ได้รับสัมปทานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 1,000 เมกะวัตต์ อายุสัมปทาน 30 ปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท
นักลงทุนยังมองเห็นว่าเสน่ห์ของพม่านั้นอยู่ที่ “ความสดใหม่” เนื่องจากเป็นเวลานานกว่า 21 ปี ที่ชาติตะวันตกได้ออกมาตรการคว่ำบาตรพม่า ทำให้ชาติตะวันตกอย่างสหรัฐและยุโรปไม่ได้เข้าไปทำการค้าหรือลงทุนในพม่าเลย ดังนั้นในสายตานักลงทุน พม่าจึงเป็นตลาดใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยโอกาสและช่องทางลงทุนมากมาย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ได้เริ่มหลั่งใหลเข้ามา โดยมีวัดที่งดงาม และสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคม เป็นจุดดึงดูด และคาดว่าจำนวนห้องพัก โรงแรมจะคลาดแคลนอย่างหนักในปีนี้

อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศในพม่าขณะนี้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความคึกคักและความหวัง แต่เส้นทางของพม่าในการก้าวเข้าสู่บทบาทของการเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ของภูมิภาคนั้นยังคงอีกยาวไกล ทั้งนี้ เพราะสภาพแวดล้อมในพม่ายังคงไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนมากนัก ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ไร้ประสิทธิภาพ ระบบสาธารณูปโภคที่ยังไม่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะไฟฟ้า ถนน และท่าเรือ ที่ยังไม่ได้มาตรฐานสากล และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีปัญหา ล่าสุดพม่าตกลงที่จะให้ประเทศสิงคโปร์ มาอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิรูปภาคกฎหมาย ธนาคาร และการเงิน รวมถึงชี้แนะแนวทางการพัฒนา การค้าขาย การวางผังเมือง และการท่องเที่ยว

พม่าจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่า “พร้อม” ที่จะเป็นเสือเศรษฐกิจของเอเชีย โดยต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและจริงใจในการเปลี่ยนแปลงประเทศและการปฏิรูปการเมือง ขณะเดียวกันต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันเป็นอิสระจากร่มเงาของกองทัพและลดปัญหาการทุจริต เพื่อบรรลุเป้าหมาย เชื่อว่าอีกไม่นาน ชาติตะวันตกก็จะเริ่มผ่อนมาตรการคว่ำบาตร ตามสหภาพยุโรป และนักลงทุนต่างชาติจะพากันมาลงทุนในประเทศดาวรุ่งที่น่าจับตาแห่งนี้ ถึงแม้ ณ ตอนนี้ อาจจะยากที่จะไปลงทุนโดยตรงในประเทศพม่าแต่เราควรตื่นตัวกับการเปิดเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านเรา ยิ่งพม่าเปิดประเทศมากเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับประเทศไทย เพราะต่างชาติย่อมต้องใช้ประเทศไทยเป็นเกตเวย์สู่ประเทศพม่า

By : เจฟ สุธีโสภณ
ทีมงานจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้