HotNews : กลุ่ม ลิปตพัลลภ ส่ง "พราว"
แบ็คดอร์ FOCUS

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (21 กุมภาพันธ์ 2562) พสุ-พราวพุธ ลิปตพัลลภ ยึด FOCUS พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น PROUD ด้านราคาหุ้น FOCUS วันนี้ปิดพุ่ง 20.50%  ปิดที่ 1.94  บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 90.75  ล้านบาท  โดยราคาหุ้นแตะระดับสูงสุดที่ 2 บาท ขณะที่ระหว่างวันราคาหุ้นทำระดับต่ำสุดที่ 1.84 บาท

 

นายนนทวัฒน์ ทองมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) FOCUS เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ได้มีมติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 451,388,889 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.44 บาทต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) คือ นายพสุ ลิปตพัลลภ และ นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ รวมเป็นมูลค่า 650 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ภายหลังจากที่นายพสุ ลิปตพัลลภ ได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด(Private Placement) นายพสุ ลิปตพัลลภจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงเข้ามาเป็นผู้บริหาร และกรรมการ ของบริษัทฯ

 

 

 

 

การเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้คิดเป็นร้อยละ 70.37 ของหุ้นสามัญที่ชำระแล้วของบริษัทภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และคิดเป็นร้อยละ 70.37ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยบริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดภายในหนึ่งเดือน ภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 26 เมษายน 2562

 

ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นดังกล่าว ได้แก่ นายพสุ ลิปตพัลลภ และ นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ (บุคคลในวงจำกัด) จะมีหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์ เพื่อครอบงำกิจการ

 

ทั้งนี้เนื่องจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดในครั้งนี้ที่ราคา 1.44 บาทต่อหุ้นมีการกำหนดราคาที่ไม่ใช่เป็นราคาต่ำ (เมื่อคำนวณราคาตลาด ณ วันที่มีมติที่ประชุมกรรมการครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่20 กุมภาพันธ์ 2562) ดังนั้น หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดในครั้งนี้ จึงไม่เข้าข่ายถูกห้ามขายเป็นเวลา 1 ปี (silent period)

 

อย่างไรก็ดี หากราคาที่ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดในครั้งนี้ มีส่วนลดเกินกว่าร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาตลาด ณ วันที่ออกและเสนอขาย หุ้นดังกล่าวจะถูกกำหนดให้เข้าข่ายห้ามขายหุ้นเป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากผู้รับจัดสรรได้รับมอบหลักทรัพย์

สำหรับวัตถุประสงค์ของการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนและแผนการใช้เงินนั้น บริษัทฯได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท ผ่านการเข้าลงทุนและพัฒนาที่ดินแปลงหนึ่งในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทางบริษัทได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ที่ดินดังกล่าวมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ดินดังกล่าวมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท จึงทำให้ บริษัทต้องหาแหล่งเงินทุนเป็นจำนวนมาก เพื่อมาสนับสนุนการลงทุนครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทอาจมีแหล่งเงินทุนไม่เพียงพอสำหรับการลงทุนครั้งนี้
ดังนั้นบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด มาประกอบกับเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อมาชำระค่าที่ดินดังกล่าว และพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยต่อไป

 

คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า การที่บริษัทพิจารณาออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อบุคคลในวงจำกัดโดยไม่เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิม หรือเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปนั้น เนื่องจากการระดมทุนโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนที่มีศักยภาพด้านเงินทุนที่มีความสนใจที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโดยตรงนั้น ทำให้มีความแน่นอนว่าบริษัทสามารถได้รับเงินทุนตามจำนวนที่ต้องการและสามารถระดมทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น

 

ภายใต้ข้อจำกัดด้านสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน และสถานการณ์ทางด้านตลาดทุนที่มีความผันผวนสูงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม หรือนักลงทุนภายนอกให้ประสบความสำเร็จเป็นไปได้ยาก การออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อบุคคลในวงจำกัดดังกล่าวจึงเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทระดมทุนเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับการขยายธุรกิจของบริษัท รวมทั้งบุคคลในวงจำกัดที่เข้าเสนอซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นผู้มีความพร้อมทางด้านแหล่งเงินทุน

 

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์2562 ได้มีมติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ให้พิจารณาการให้บริษัท และ/หรือบริษัทย่อยเข้าทำการซื้อที่ดินเปล่า จำนวน 2 แปลง ขนาดรวม 12 ไร่ 3 งาน 58.3 ตารางวา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากบริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด และบริษัท วานา นาวา จำกัด

 

บริษัท พราว รีสอร์ท หัวหิน จำกัด และ บริษัท วานา นาวา จำกัด มีผู้ถือหุ้นที่มีความสัมพันธ์ในเครือญาติกับบุคคลที่จะได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ซึ่งจะขอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 เช่นกัน โดยบริษัทวางแผนที่จะชำระค่าที่ดินด้วยเงินทุนจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด ให้แก่ นายพสุ ลิปตพัลลภ และนางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ ซึ่งเป็นผลให้กลุ่มบุลคลดังกล่าวจะเป็นผู้ถือหุ้นเสียงส่วนมากใน FOCUS หลังจากการเข้าทำรายการ โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.37 ของจำนวนหุ้นและสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท

 

นายนนทวัฒน์กล่าวว่า มูลค่าของที่ดินที่ได้มาในการเข้าทำรายการครั้งนี้ทั้งหมดไม่เกิน 1,325 ล้านบาท โดยอ้างอิงจากราคาประเมินของผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากส านักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเท่ากับ 1,328.5 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะชำระค่าตอบแทนสำหรับที่ดินเปล่าดังกล่าวด้วย

(1) เงินทุนจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่บุคคลในวงจำกัด จำนวนประมาณ 650 ล้านบาท
(2) เงินกู้จากสถาบันการเงิน ภายใต้วงเงินประมาณ 650 ล้านบาท
(3) เงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท และ/หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงินประมาณ 25 ล้านบาท

แหล่งเงินทุนที่ใช้และเงื่อนไขการชำระเงิน
บริษัทมีแผนที่จะชำระค่าตอบแทนสำหรับที่ดินเปล่าดังกล่าวด้วย

(1) เงินทุนจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่บุคคลในวงจำกัด จำนวนประมาณ 650 ล้านบาท
(2) เงินกู้จากสถาบันการเงิน ภายใต้วงเงินประมาณ 650 ล้านบาท
(3) เงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท และ/หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงินประมาณ 25 ล้านบาท

 

นายนนทวัฒน์กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นการเข้าลงทุนในพื้นที่และทำเลที่มีศักยภาพในการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และเป็นการลดความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในอนาคต ดังนั้นหากบริษัทสามารถดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยได้สำเร็จ บริษัทจะสามารถสร้างผลกำไรและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นได้ในระดับที่เหมาะสม

 

อีกทั้งคณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน บริษัท โฟคัส เวก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (โฟคัส เวก) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง FOCUS จำนวน 60% และบริษัท เวก เอเชีย จำกัด ประเทศฮ่องกง 40% โดยจะขายหุ้นดังกล่าวให้แก่นายอนุชา สิหนาทกถากุล ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัท ในราคารวม 34.6 ล้านบาท ซึ่งทำให้โฟคัส เวก สิ้นสภาพในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ขณะที่โฟคัส เวก มีการลงทุนในบริษัทย่อยในนามบริษัท โฟคัส เวก บางนา จำกัด เพื่อทำธุรกิจบริหารจัดการขยะ

 

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัท ดวงตราของบริษัท รวมทั้งแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อบังคับ และวัตถุประสงค์ของบริษัท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดแล้วเสร็จ โดยจะเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็นบมจ.พราว เรียล เอสเตท และใช้ชื่อย่อ "PROUD"

 

FOCUS