สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(14 ธันวาคม 2561)-------ECF ดิ่งแรง ผู้บริหารระบุไม่ทราบเหตุ ยันพื้นฐานไม่เปลี่ยน -เดินหน้าธุรกิจตามแผน คาดผลงานโค้งสุดท้าย โตสวย ทั้งQoQ-YoY มั่นใจทั้งปีรายได้โตกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.49 พันลบ. เผยโรงไฟฟ้ามินบู เฟสแรก กดปุ่ม COD ในQ1/62 นี้ ด้านโบรกฯ มองหุ้น ECF ร่วง เหตุ P/E สูงลิ่ว กดดัน - รับ Sentiment ตลาดดิ่งแรง

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ECF เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น ECF ปรับตัวลดลงแรงในการซื้อขายวันนี้ โดยค่อนข้างรู้สึกงงเช่นกันที่อยู่ๆ ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ขอยืนยันว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ธุรกิจก็เดินหน้าไปตามแผนทุกอย่าง

ด้านผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดจะเติบโตดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยประเมินจากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ทั้งปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้อยู่ที่ 1.49 พันล้านบาท ส่วนจะเติบโตกี่เปอร์เซนต์ คงต้องรอให้ปิดงบปีนี้ก่อน
นายอารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โครงการโรงไฟฟ้ามินบู) ในประเทศเมียนมา กำลังการผลิต 220 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ เข้าลงทุน ผ่านบริษัทย่อย บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 20% คาดว่าเฟสแรก 50 เมกะวัตต์ จะเริ่มเดิมเครื่องเชิงพาณิชย์ ( COD) ในไตรมาส1/62
ส่วนโครงการ พลังงานทดแทนโครงการอื่นๆ ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุน ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ปัจจุบันเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ขณะที่บริษัทฯ ยังได้เข้าลงทุน โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแบบแก๊สซิฟิเคชั่นรวม 2 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งโครงการละ 1 เมกะวัตต์ โดยโครงการตั้งอยู่ อ.สูงเม่น จ.แพร่ และ อ.ลอง จ.แพร่ ปัจจุบันเริ่ม COD โครงการแรกไปแล้ว ส่วนโครงการที่2 กำลังเร่งก่อสร้าง

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 มีมติให้นำเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 เพื่อพิจารณาและอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าดำเนินการซื้อกิจการบริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด ("S-TREK") โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 15,300,000 หุ้น คิดเป็น 51% ของหุ้นสามัญทั้งหมดของ STREK ด้วยวิธีการแลกหุ้นสามัญ (Share Swap) คิดเป็นมูลค่ารวมการลงทุน 510 ล้านบาท

ทั้งนี้การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรทันทีในปี 2562 โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา STREK มีรายได้รวมประมาณ 4,848 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในวันนี้ (14 ธ.ค. 61) คาดว่ามีสาเหตุมาจาก Valuation ค่อนข้างแพง และมี P/E สูงถึง 98.58 เท่า เมื่อเทียบกับความสามารในการทำกำไรของบริษัทฯ ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นในวันนี้ก็มีการปรับตัวลดลง ซึ่งมาจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ที่เข้ามากดดันราคาหุ้นในวันนี้ด้วย

"การที่ราคาหุ้นของ ECF ปรับตัวลงขนาดนี้ เพราะว่าเป็นหุ้นที่ Valuation แพง แถม P/E เกือบร้อยเท่า ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับความสามารถในการทำกำไร ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างก็เล่นบนความคาดหวัง แต่พอมาภาวะตลาดที่ผันผวน และในวันนี้ก็ปรับตัวลดลง ทำให้ไม่เอื้อต่อการลงทุนหุ้นแบบนี้" นายวิจิตร กล่าว
ทั้งนี้ยังได้ประเมินสัญญาณทางเทคนิคของราคาหุ้น ECF ว่าสัญญาณเกิดการเสียศูนย์ จากการที่ราคาลดลงมาหลุดแนวรับเดิม ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนที่อิงการลงทุนตามสัญญาณเทคนิคเทขายค่อนข้างมาก พร้อมกันนี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเก็งกำไรในหุ้น P/E สูง ไปก่อน และหันมาเก็งกำไรในหุ้นที่มี P/E ต่ำ และมีความสามารถในการทำกำไรที่ชัดเจน

ปิดการซื้อขายวันนี้ ราคาหุ้น ECF อยู่ที่ 3.82 ลดลง 1.63 บาท หรือ 29.91% มูลค่าการซื้อขาย 234.83 ล้านบาท

---จบ----