Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : VGI บุกอินโดฯ

2,809

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 ธันวาคม 2561)

 

VGI ผนึก SINARMAS รุกธุรกิจสื่อโฆษณา ในอินโดนีเซีย เริ่มรับรู้รายได้ Q2/62-63(ก.ค.-ก.ย.62) คาดถึงจุดคุ้มทุนใน 2-3 ปีเล็งทุ่มงบ 30-40 ล้านเหรียญฯ ลงทุนสื่อโฆษณาในอินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุป Q1/62-63 (ก.ค.-ก.ย.62)เจรจาM&A -JV กับพันธมิตรกว่า 10 ราย เสริมธุรกิจ Marketing solution คาดได้ข้อสรุป 2-3 ราย ภายใน Q4/61-62(ม.ค.-มี.ค.62) ด้านโบรกฯ คงแนะนำ "ซื้อ" ให้ premium VGI จากการเริ่มปรับโมเดลธุรกิจที่จะเติบโตได้ในอนาคต ประเมินราคาเป้าหมาย 8.90 บาท 


นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Sinar Mas Group ผู้ประกอบธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ซึ่งดำเนินธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษ ธุรกิจการเกษตรและอาหาร บริการทางการเงิน อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจพลังงานและโครงสร้างสาธารณูปโภค ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 5,000,000 เหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง VGI MACO (Singapore) Private Limited ถือหุ้น 40% ( บริษัทย่อยที่ VGI และ MACO จัดตั้งร่วมกันในประเทศสิงคโปร์ โดยVGI ถือหุ้นในบริษัทย่อย 25% และ MACO ถือ 75% ) กับ Sinar Mas Group ถือหุ้น 60% เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

 

 

ปัจจุบันบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ได้รับสัญญาในการเข้าไปจัดการบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน(MRT) ซึ่งเป็นสายสำคัญที่อยู่ใจกลางเมืองจาการ์ต้า เป็นเวลา 20 ปี โดยกำลังจะเปิดให้บริการในไตรมาส2/2562-2563 (ก.ค.-ก.ย.62) ซึ่งมีทั้งหมด 13 สถานี จำนวน 16 ขบวน 96 โบกี้ ความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร และยังได้รับสัญญาการบริหารจัดการพื้นที่โฆษณาบริเวณตอม่อรถไฟฟ้าอีกประมาณ 70 ต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเป็นการใช้ป้ายบิลบอร์ด หรือจอดิจิตอล โดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาทันทีที่รถไฟฟ้าฯเปิดดำเนินการ และคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2-3 ปี

 

 

"เราได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในสิงคโปร์ ชื่อว่า VGI MACO สิงคโปร์ เพื่อที่จะนำไปจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Sinarmas Group พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทดังกล่าวจะดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณา ซึ่งเราถือหุ้น 40% Sinarmas 60% และเราจะเอา โมเดลธุรกิจของ VGI ซึ่งได้แก่ โฆษณา E-payment และ Logistic เข้าไปทำทีละสเตป โดยเริ่มต้นที่ โฆษณาก่อน ซึ่งคาดว่าประมาณเดือนเมษายน เราจะมีแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุนออกมา ส่วนในอินโดนีเซียตอนนี้เราได้สัญญาบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาใน MRT เส้นใหม่ที่จะเปิดในไตรมาส2 ของงบเรา ซึ่งเป็นเส้นแรกของอินโดนีเซียที่เราเข้าไปทำ โดยจะเส้นนั้นจะเป็นวิ่งใต้ดิน และบนดินอย่างละครึ่ง ทำให้เราได้สัญญาบริหารจัดการตอม่อด้วยอีกราว 70 ต้น เชื่อว่าเราจะสามาถถึงจุดคุ้มทุนในอินโดนีเซียประมาณ 2-3 ปี และการที่เรามารุกในอินโดนีเซียก็เป็นเพราะว่า เราเริ่มมีการเบรกอีเว้นในมาเลเซียแล้ว" นายกวิน กล่าว

 


นายกวิน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วเสร็จ บริษัทฯได้มีการวางงบลงทุน โดยมีแผนใช้งบลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ30 - 40 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการลงทุนระบบต่างๆและจอดิจิตอล โดยแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯเองทั้งหมดตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปถึงแผนการลงทุนดังกล่าวในช่วงไตรมาส 1/2562-2563 (เมษายน -มิถุนายน 2562)

 


พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังมีความสนใจ และมองหาโอกาส ที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมทุน (JV) กับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับ Maketing solutions ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการนำธุรกิจในเครือทั้งหมดที่มีอยู่มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ร่วมกันสูงสุด และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการทำการตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายให้กับลูกค้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจรากับพันธมิตรดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 10 ราย เบื้องต้นคาดว่าจะได้รับความชัดเจนประมาณ 2-3 ราย ภายในไม่เกินเดือนมีนาคม 2562 และในระยะยาวบริษัทฯคาดหวังว่าจะสามารถเป็นผู้นำด้านสื่อโฆษณาแบบครบวงจรและเป็นอันดับต้นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในระยะต่อไปบริษัทฯมองหาโอกาสในการลงทุนเข้าไปดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาโดยใช้โมเดลธุรกิจของ VGI ในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มเติม

 

 

สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า แนะนำ "ซื้อ" VGI ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท/หุ้น ขยายสื่อโฆษณานอกบ้านไปต่างประเทศ สร้างโอกาสการเติบโต มีมุมมองเชิงบวกหลังจากได้เข้าเยี่ยมชมธุรกิจสื่อโฆษณาในประเทศมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบัน VGI ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน VGM ในประเทศมาเลเซียโดย VGI ถือหุ้น 25% และบริษัทร่วมทุน MACO ถือหุ้น 75% ซึ่งจะลงทุนในสื่อโฆษณาทั้งทางตรงและผ่านบริษัท PBSB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ได้แก่ สื่อสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์, สื่อในรถไฟฟ้า MRT ในประเทศมาเลเซีย และสื่อรถไฟฟ้า MRT สายแรกในประเทศอินโดนีเซีย, สื่อในโรงภาพยนตร์และสื่อรถประจำทางในกัวลาลัมเปอร์และปีนัง เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" VGI จากแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการสร้างโมเดลธุรกิจขยายแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณาทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการเข้าร่วมทุนกับธุรกิจโลจิสติกส์ (Kerry TH) ซึ่งจะเปิดโอกาสทางธุรกิจจากการเติบโตของธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ เราคาดกำไรสุทธิ 3Q18/19F เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากการขยายสื่อใหม่และมีอัตราการใช้สื่อเพิ่มขึ้น และคาดกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปีนี้เติบโต 26% (CAGR3y) ราคาเป้าหมาย 8.90 บาท

 

 

โดยในช่วงที่ผ่านมาได้เข้าเยี่ยมชมธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านในประเทศมาเลเซียและเรามีมุมมองในเชิงบวกกับ VGI ในการขยายธุรกิจครั้งนี้ จากการที่เราได้เห็นว่าประเทศมาเลเซียยังมีสัดส่วนสื่อโฆษณานอกบ้านน้อยเพียง 8% ของมูลค่าสื่อโฆษณาโดยรวมซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการดึงส่วนแบ่งการตลาดจากสื่อดั้งเดิมได้มากขึ้น และจากประเทศมาเลเซียยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสื่อโฆษณานอกบ้านแบบดั้งเดิมเป็นแบบดิจิทัลปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของสื่อป้ายโฆษณานอกบ้านทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสของ VGI ที่ได้มุ่งเน้นการวางสื่อใหม่เป็นดิจิทัลมากขึ้นซึ่งมีมาร์จิ้นดีกว่าและเริ่มเป็นที่นิยมดึงดูดสายตาผู้บริโภคมากกว่า ประกอบกับผู้เล่นสื่อโฆษณาในประเทศมาเลเซียยังเป็นรายย่อยจำนวนมาก มีเพียง 1 รายที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด 10% โดยเรามองว่าเป็นโอกาสของ VGI ในการเข้าควบรวมกิจการรายย่อยในอนาคตซึ่งจะช่วยบริษัทดึงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียยังมีการเติบโตจาก GDP ปี 2017 มีมูลค่า 314 พันล้านUSD มีการคาดการณ์ GDP Growth ปี 2018-19F ที่ 4.8-4.9% 

 

 

ยังคงประมาณการเดิม คาดกำไรเติบโต 3 ปีเฉลี่ย 26% จากการพัฒนาสื่อใหม่
กำไรสุทธิ 6M18/19 คิดเป็น 47% ของกำไรทั้งปี และคาดผลประกอบการ 3Q18/19F จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากอัตราการใช้สื่อเพิ่มขึ้นเต็มไตรมาสเทียบกับปีที่ผ่านมามีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9 ประกอบกับสธุรกิจสื่อนอกบ้านของ MACO จากการเริ่มรวมผลประกอบการของบริษัทลูก MACO คือ Trans.Ad และ Roctec เต็มไตรมาส เราคาดรายได้รวมเฉลี่ย 3 ปีนี้เติบโต 15%(CAGR3y 2018-20F) และคาดรับรู้กำไรจาก Kerry TH ในปี 2018/19F นี้ 91 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของกำไรทั้งปี และคาดปี 2019/20F จะรับรู้กำไรเต็มปีที่ 260 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% ของกำไร จากการคาดรายได้เติบโตแบบอนุรักษนิยมปี 2018-19 ที่ 30% และ 20% ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้นปี 2018-20F คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 60%-61% โดยคาดกำไรเติบโต 3 ปีนี้เฉลี่ย 26% (CAGR3y 2018-20F)

 

 

ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2018/19F ที่ 8.9 บาท
มีมุมมองในเชิงบวกต่อ VGI จากการปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มแพลตฟอร์มที่หลากหลาย และการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากการขยายเส้นทางของ BTS รวมถึงการร่วมทุนกับ Kerry TH ที่จะสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ให้ premium กับ VGI จากการเริ่มปรับโมเดลธุรกิจที่จะเติบโตได้ในอนาคต ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 8.90 บาท รวมผลประกอบการ Kerry TH แล้ว และการเพิ่มทุนของ Kerry TH และ PP แล้ว อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, Terminal growth 2%) โดยฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งคาด Net D/E ปี 2018F/19F อยู่ที่ 0.2X ความเสี่ยง : 1) เศรษฐกิจซบเซา 2) การขยายเส้นทางของรถไฟฟ้า BTS ไม่เป็นไปตามคาด

 

 

VGI ขยายสื่อนอกบ้านไปต่างประเทศมากขึ้น เพิ่มโอกาสาการเติบโตของธุรกิจ
VGI ขยายสื่อนอกบ้านในต่างประเทศมากขึ้น โดยการจัดตั้งบริษัทย่อย VGM ซึ่ง VGI มีสัดส่วนการถือหุ้น 25% และ MACO ถือหุ้น 75% โดยบริษัทร่วมทุน VGM จะลงทุนในสื่อโฆษณาทั้งทางตรงและผ่านบริษัท PBSB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ได้แก่ สื่อสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ 1 และ 2, สื่อในรถไฟฟ้า MRT ในประเทศมาเลเซีย 1 สายที่ยังเหลือระยะเวลาสัมปทานอีก 9 ปี และสื่อรถไฟฟ้า MRT สายแรกในประเทศอินโดนีเซียมีระยะเวลาสัมปทาน 20 ปี, สื่อในโรงภาพยนตร์, สื่อโฆษณาในรถประจำทาง (Bus Wrap) ในกัวลาลัมเปอร์และปีนัง เรามีมุมมองในทางบวกในการขยายสื่อนอกบ้านไปยังระดับภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายสื่อและการเติบโตในอนาคต VGM วางเป้าหมายรายได้ปี 2019 ที่ 1,500 ล้านบาท จากสื่อรถไฟฟ้า MRT ที่ประเทศอินโดนีเซียที่จะเริ่มดำเนินงานใน 2Q19 และสื่อในสนามบินได้เปลี่ยนเป็นดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นเสร็จในครึ่งปีหลังของปี 2019 และสื่อรถไฟฟ้าในประเทศมาเลเซียที่เปลี่ยนเป็นป้ายดิจิทัลมากขึ้น บริษัทคาด EBITDA margin10-15%

 

 

สื่อนอกบ้าน Out of home ได้แก่สื่อป้ายนิ่ง สื่อป้ายดิจิทัลบิลบอร์ด สื่อ In-store (ไม่รวมสื่อ Transit, in-mall advertising, street furniture) ปี 2018 ตลาดคาดมีมูลค่า 1.5 พันล้านริงกิต หรือ 367 ล้านริงกิต คาดเพิ่มขึ้น +3% YoY สวนทางกับภาพสื่อโฆษณาโดยรวมที่คาดลดลง 3%YoY เนื่องจากผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านเริ่มเปลี่ยนสื่อป้ายนิ่งเป็นดิจิทัลที่มีความนิยมมากขึ้น สำหรับปี 2017 สื่อนอกบ้านเติบโต +8%YoY เนื่องจากมีงานเอเชี่ยนเกมส์ปี 2017 ที่จัดในประเทศมาเลเซีย และกลุ่ม E-commerce ได้มาเริ่มมาใช้สื่อนอกบ้านมากขึ้นในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้แก่ Grab และ Lazada เป็นต้น

 

 

ในมุมมองของเราเห็นว่า ตลาดสื่อนอกบ้านในประเทศมาเลเซียยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริการโภคใช้เวลานอกบ้านเพิ่มขึ้น การใช้สื่อโฆษณานอกบ้านมีต้นทุนต่ำเทียบกับสื่ออื่นและทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงการโฆษณาได้มากขึ้น ประกอบกับจากการสร้างมูลค่าในการเปลี่ยนป้ายภาพนิ่งเป็นดิจิทัลซึ่งมีความนิยมมากกขึ้นและสร้างรายได้มากกว่าสื่อภาพนิ่ง 3-4 เท่าตัว เนื่องจากสื่อนอกบ้านปัจจุบันในประเทศมาเลเซีย ส่วนใหญ่ยังเป็นสื่อป้ายนิ่ง( Static Board) มีสัดส่วนมากถึง 95% หรือประมาณ 17,500 ป้าย ในขณะที่สื่อป้ายดิจิทัลบิลบอร์ดยังมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย 5% หรือประมาณ 824 ป้าย (แบ่งเป็นป้าย Digital Screen 199 ป้าย หรือ 24% และป้าย E-Bunding ขนาดเล็ก จำนวน 625 ป้าย หรือ 76%) อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาด้านสัดส่วนมูลค่าจะเห็นได้ว่ามูลค่าสื่อป้ายภาพนิ่งคิดเป็นสัดส่วน 80% และมูลค่าสื่อป้ายดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนมูลค่า 20% แสดงให้ถึงสัดส่วนป้ายดิจิทัลสามารถสร้างรายได้มากกว่าสื่อภาพนิ่ง ในด้านการแข่งขันปี 2018 มีผู้เล่นในตลาดสื่อนอกบ้าน 10 รายแรกคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 31% โดยผู้เล่นรายใหญ่สุดคือบริษัท Big Tree Out มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 10% โดยเรามองยังเป็นโอกาสของ VGM ในการควบรวมหรือหาพาร์เนอร์เพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคตเนื่องจาผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นรายเล็กในตลาด 

 


มีมุมมองในเชิงบวกต่อ VGI จากการปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มแพลตฟอร์มที่หลากหลายขยายต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจากการขยายเส้นทางของ BTS รวมถึงการร่วมทุนกับ Kerry TH ที่จะสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้น เรายังคงแนะนำ "ซื้อ" ให้ premium กับ VGI จากการเริ่มปรับโมเดลธุรกิจที่จะเติบโตได้ในอนาคต ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 8.90 บาท จากการรวมผลประกอบการ Kerry TH และการเพิ่มทุนของ Kerry TH และ PP แล้ว อ้างอิงวิธี DCF (WACC 8%, Terminal growth 2%) โดยฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งคาด Net D/E ปี 2018F/19F อยู่ที่ 0.2X ความเสี่ยง : 1) เศรษฐกิจซบเซา 2) การขยายเส้นทางของรถไฟฟ้า BTS ไม่เป็นไปตามคาด

 

VGI

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

TERA เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งเหนือจอง 122.86 %

คุมเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเกมหุ้นภาพรวม น่าจะเป็นรูปแบบการเทรด การเล่นคุมเชิง เน้นเล่นรอบ เล่นสั้น บนปัจจัยบวกใหม่...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้