สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 พฤศจิกายน  2561)

SKY กำไร Q3/61 สูงเสียดฟ้า พุ่ง 1,967% หลังชนะประมูลในปี 60 และช่วงต้นปี 61 หนุนรายได้โต ขณะอัตรากำไรขั้นต้นรวมสูงถึง 20.82% ด้าน "สิทธิเดช มัยลาภ" มั่นใจกำไรปีนี้ทุบสติใหม่ -รายได้พุ่งเท่าตัว คาดปี 62 รายได้ทะยานต่อเนื่อง 

นางสาวกุลนดา โอฬารรักษ์ธรรม กรรมการ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) SKY เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2561 มีการเติบโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปี 2560 เนื่องจากบริษัทได้มีการรับรู้รายได้ตามขั้นความสำเร็จของงานจากโครงการที่ชนะประมูลในปี 2560 และช่วงต้นปี 2561 รวมทั้งรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและให้บริการของบริษัทย่อย ซึ่งมีผลทำให้บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 3/2561 จำนวน 270.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57.44 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/2560 : 171.69 ล้านบาท) และกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 28.32 ล้านบาทซึ่งเป็นผลกำไรที่เพิ่มขึ้น 29.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,967 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/2560 ขาดทุนสุทธิ 1.52 ล้านบาท)

ในส่วนของผลประกอบการงวด 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทมีรายได้รวมเป็น จำนวนเงิน 809.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 570.82ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 239 เมื่อเทียบกับรายได้รวมของงวด 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2560 ซึ่งมี จำนวน 238.57 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทมีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 112.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.69 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 1,688 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิส าหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ7.09 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรสุทธิจากผลประกอบการในปี 2561 เป็นผลมากจากการที่บริษัทมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แผนธุรกิจ โดยมุ่งเน้นงานประมูลกับภาครัฐที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงศักยภาพในการบริหารจัดการต้นทุนของโครงการ รวมถึงผลกำไรที่ได้จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม

สำหรับในไตรมาสที่ 3/2561 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2560 จำนวน 98.63 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายและบริการมีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการที่เซ็นสัญญาเมื่อปี 2560อันได้แก่ (1) การรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานงวดที่ 2 ของโครงการซื้อพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ (2) การรับรู้รายได้จากการให้บริการ ของโครงการจ้างผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ บริษัทได้มีรายได้จากการขายสินค้าและติดตั้งให้แก่บริษัทภาคเอกชนบางส่วน และรายได้จากการขายของบริษัทย่อย จำนวน 32.18 ล้านบาท ในส่วนของรายได้จากสัญญาเช่าการเงินที่ลดลงนั้น เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจจากการให้เช่าคอมพิวเตอร์แก่ลูกค้าภาคเอกชน มาเป็นการดำเนินธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และมีความมั่นคงต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานประมูลงานทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและความมั่นคงกับ หน่วยงานภาครัฐที่สอดคล้องกับนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของประเทศ

สำหรับไตรมาส 3/2561 ต้นทุนขายโดยรวมเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้รวมที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่หากพิจารณาอัตราการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนรวมจะเปลี่ยนแปลงในอัตราร้อยละ 40 ซึ่งน้อยกว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงรายได้ที่มีจำนวนร้อยละ 57 อันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการกำไรขั้นต้นรวมในไตรมาส 3/2561 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 3/2560 จำนวน 18.90 ล้านบาท เป็นกำไรขั้นต้น 56.30 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2561

โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นรวมจากการขายและบริการ จำนวน 45.59 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรขั้นต้นจากรายได้ขายและบริการของบริษัทย่อย จำนวน 12.94 ล้านบาท ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 41.74 ล้านบาท หรือร้อยละ1,084 เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการในไตรมาส 3/2560 จำนวน 3.85 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นจากสัญญาเช่าการเงิน จำนวน 10.71 ล้านบาท ลดลง 4.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้นจากสัญญาเช่าการเงินในไตรมาส 3/2560 จ านวน 15.05 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นรวมสูงถึงร้อยละ 20.82

ในส่วนของกำไรขั้นต้นสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 มีการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นรวมเพิ่มขึ้น 113.80 ล้านบาท เท่ากับร้อยละ 311 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการบริษัทมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจและบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของงานโครงการได้อย่างดี

ในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทได้มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม จ านวน 13.26 ล้านบาท ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมสะสมรวม 9 เดือนมีจำนวน 70.32 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลกำไรที่ได้รับจากการที่บริษัทถือหุ้นร้อยละ 34 ในบริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จ ากัด (“ทีเคซี”) โดยที่เคซีมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3/2561 จำนวน 39 ล้านบาทและผลก าไรสะสม 9 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 จำนวน 206.79 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนในไตรมาสที่ 3/2561 จำนวน 0.04 ล้านบาท จากบริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์จำกัด (“แอสโตร”) ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่6 กันยายน 2561 โดยบริษัทถือหุ้นในอัตราร้อยละ 30 ในไตรมาสที่ 3/2561 แอสโตร ยังไม่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ ทำให้มีผลขาดทุนเป็นจำนวนเงิน 0.13 ล้านบาท

ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมในไตรมาสที่ 3/2561 ลดลงจากไตรมาส 2/2561 เนื่องจากในไตรมาสที่ 2/2561ทีเคซีได้มีการรับรู้รายได้และกำไรจากการส่งมอบงานงวดสุดท้ายตามสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ โครงการจัดหาและติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารดิจิตอล ระยะที่ 1

จากผลการดำเนินงานที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทมีผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 28.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,967 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน สำหรับงวดเก้าเดือน บริษัทมีผลกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 112.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.69 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 1,688 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อนึ่งก่อนหน้านนี้ นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานกรรมการบริหารประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) SKY เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจกำไรสุทธิจะเติบโตทำสิถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากครึ่งปีแรกปี2561 บริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 84.28 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.92 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไปแล้วกว่า 2,000% ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโตเป็นเท่าตัว โดยครึ่งปีแรกปี2561 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 599.43 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 542.28 ล้านบาท

สำหรับทิศทางการเติบโตของผลประกอบการในปี 2562 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มี backlog ที่รอรับรู้รายได้แล้ว 2.1 พันล้านบาท "เราจะพยายามที่จะชนะประมูลงาน ก็อยากให้นักลงทุนรอติดตามครับ และเราจะสร้างผลประกอบการให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายสิทธิเดช กล่าว

SKY