สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 ตุลาคม  2561)

ECF เจอเผือกร้อน พัวพัน"ซัน ซุปเปอร์เทรดเดอร์" ด้าน "อารักษ์ สุขสวัสดิ์" บอสใหญ่ ECF ระบุ “ซัน ซุปเปอร์เทรดเดอร์” แค่เป็นตัวกลางนำดีลมาเสนอ - ยันเดินหน้าธุรกิจตามแผน ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน พร้อมคาดผลงาน Q3/61 โตกว่า Q2/61 หลังออเดอร์พุ่ง ระบุ 9 พ.ย. นี้ ประชุมบอร์ดสรุปงบฯ

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ราคาหุ้น ECF ปรับตัวลดลงแรงในการซื้อขายวันนี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยการดำเนินธุรกิจยังดำเนินไปตามแผนทั้งธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯรวมทั้งธุรกิจพลังงานทดแทนที่ยังมีโครงการที่บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เพื่อเข้าไปลงทุนหลายโครงการ ขณะที่ดีลการลงทุนในธุรกิจ บริษัท เอสเทรค (ประเทศไทย) จำกัด (S-TREK) ก็ยังดำเนินไปตามขั้นตอน หลังจากที่บริษัทฯ ได้เซ็นลงนามในบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจของ S-TREK เพื่อขยายธุรกิจ IT Solution ร่วมกัน

"ราคาหุ้นที่ปรับลดลง ผมไม่รู้ เพราะทุกอย่างผมเดินหน้าเหมือนเดิม การทำธุรกิจเหมือนเดิมทุกอย่าง รูปแบบธุรกิจเหมือนเดิม แต่อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้างในเรื่องของเวลา แต่ทุกอย่างการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไฟฟ้า และการที่จะไปควบรวมกับบริษัทที่เราออกข่าวไปแล้ว ฉะนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ ดีลทุกอย่างเหมือนเดิมหมด" นายอารักษ์ กล่าว

พร้อมกันนี้นายอารักษ์ กล่าวถึงกรณีที่ ECF ถูกพาดพึงว่ามีความเกี่ยวข้องกับ นายกระทรวง จารุศิระ หรือ “ซัน ซุปเปอร์เทรดเดอร์” ว่า ECF ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับนายกระทรวง จารุศิระ ตามข่าวที่ระบุว่านายกระทรวงมีการทำราคาหุ้น รวมทั้งการใช้ข้อมูลภายในจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่านายกระทรวง เป็นตัวกลางในการนำดีลการลงทุนโครงการต่างๆ มาเสนอให้บริษัทฯ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ใช่มีเพียงนายกระทรวงที่มาเสนอดีลให้บริษัทฯ แต่มีหลายคนที่นำดีลมาให้บริษัทฯ พิจารณา แต่ทั้งนี้บริษัทฯ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯสูงสุด ก่อนที่จะมีการตัดสินใจลงทุนโครงการใดก็ตาม

"เขาไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับผม ถามว่าเขาเอาดีลมาให้ผมมั้ย ใช่ แต่การที่เขาเอาดีลมาให้มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด คือผมมีหน้าที่ 2 อย่างอันดับแรกคือทำให้บริษัทเติบโต และทำกำไรสูงสุดให้บริษัท นี่คือหน้าที่ผม ฉะนั้นผมก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น มีกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้ามีคนมาเสนอดีลผมไม่ใช่แค่คุณกระทรวงคนเดียวแต่มีมาเยอะ ทั้งดีลพลังงานงานทดแทน เช่นโรงไฟฟ้าขยะ ดีลมีมาตลอดแต่ผมก็ต้องคัดสรรสิ่งที่เป็นปรโยชน์ต่อบริษัทมากที่สุด ผมต้องเลือกดีลที่ดีที่สุด ซึ่งอะไรที่มาแม็ตผมก็ต้องดีลกับคนนั้น "นายอารักษ์ กล่าว

ส่วนการที่นายกระทรวง จะเข้ามาเล่นหุ้น ECF หรือไม่อย่างไร คงไม่สามารถตอบได้ ขณะเดียวกันคงไม่สามารถทราบได้หากนายกระทรวงจะเข้ามาลงทุนหุ้น ECF "เรื่องเข้ามาเล่นหุ้นผมไม่รู้ เขาจะเล่นรึเปล่า ผมคงตอบแทนเข้าไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเล่นหุ้น แต่ถ้าดีลที่เอามาให้เป็นดีลที่ดีผมเอา เพราะผมทำงานให้บริษัทผม แล้วถ้าบอกว่าผมเอาดีลนี้ แล้วเขารู้ว่ามันดี มันจะไปอย่างนั้น เขาจะลงทุนมันเรื่องของเขามั้ย เราห้ามไม่ได้ ต้องบอกว่าคนมาเสนอดีลมีหลายคนไม่ใช่คุณกระทรวงคนเดียว ซึ่งถ้าดูแล้วไม่ได้ประโยชน์ต่อบริษัทฯ หรือไม่ได้ Growth อย่าที่ต้องการผมก็ไม่เอา" นายอารักษ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2561 คาดว่ายังเติบโตดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น แต่จะเติบโตเท่าไหร่ คงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องรอให้ปิดงบการเงินเรียบร้อยก่อน โดยบริษัทฯ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เพื่อสรุปงบการเงิน ในวันที่ 9 พฤศจิกายน นี้ "ไตรมาส 3/61 เท่าที่ดู น่าจะดีกว่าไตรมาส 2/61 อยู่แล้ว แต่ยังสรุปไม่ได้เพราะตัวเลขยังไม่นิ่งยังไม่จบ แต่เท่าที่ดูในเชิงปริมาณออเดอร์ และปริมาณการส่งของ ผมว่าน่าจะเติบโตจาก Q2/61 " นายอารักษ์ กล่าว

นายอารักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ภาพรวมผลประกอบการปีนี้ เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ คงต้องดูผลประกอบการไตรมาส 3/2561 และไตรมา 4/2561 ก่อน แม้ปีนี้จะมีปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ อาทิ สถานการณ์เศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แต่บริษัทฯ ยังมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของผลประกอบการปีนี้ให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

"ปีนี้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะโตอย่างที่เราตั้งใจไว้รึเปล่า เพราะว่าก็ต้องรอ Q นี้ก่อน เนื่องจากปีนี้อุปสรรคหลายตัวเหมือนกันที่จะปัญหา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลกก็มีส่วน เรื่องของสหรัฐฯ ที่ประกาศสงครามกับจีนก็มีส่วน มันก็วุ่นวายพอสมควร แต่เราก็จะพยายามเมนเทนให้เติบโต ซึ่งต้องดู Q4 นี้เป็นตัวชี้วัดครับ แต่การที่เราจะเติบโตขึ้นมันก็ต้องมีอุปสรรค เมื่อก่อนเรามีบริษัทเดียวแต่เดี่ยวนี้มีบริษัทในเครือด้วย ทำให้มีหลายอย่างที่เราต้องพิจารณาและต้องทำ" นายอารักษ์ กล่าว

ECF