
HotNews: BKD แย้มแผนรับงานเมียนมาร์-เวียดนาม
--WICE คาดงบQ3/60 โตสวย-ทำดีล M&A 2-3 ราย
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 5 กันยายน 2560 ) --------WICE คาดงบQ3/60 ดีกว่าQ2/60 หลังเข้าช่วงไฮซีซั่น มั่นใจรายโตกว่า30% ตามเป้า พร้อมกับเจรจาลูกค้าใหม่ 2-3 ราย คาดปิดดีลภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน เจรจาซื้อกิจการ 2-3 ราย ในตปท. ลุ้นภายในนี้ได้ข้อสรุป พร้อมตั้งงบลงทุนที่ 200 ลบ.
BKD มั่นใจรายได้ปีนี้โตกว่า20% ไม่รวมบุ๊ครายได้พิเศษขายที่ดินกรุงเทพฯ-กรีฑา อีกราว 400 ลบ. รอผลประมูลงาน 2.5 พันลบ. หวังได้งาน 20% และจะยื่นประมูลงานใหม่อีก 2.5 พันลบ. รู้ผลภายในปีนี้ มีแผนลุยรับงานเมียนมาร์-เวียดนาม คาดชัดเจนภายในปีนี้
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/60 จะดีกว่าไตรมาส 2/60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 355.70 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.60 ล้านบาท โดยในไตรมาส3/60 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีความต้องการใช้ค่อนข้างสูง ประกอบการเข้าไปซื้อกิจการ Sun Express Logistics Pte.Ltd. (SEL) ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ร่วมกันกับ SEL
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังคาดว่าภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทคาดว่าปริมาณการนำเข้าและส่งออกยังสามารถเติบโตได้อีก สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวถึง 12.2% ดังนั้นบริษัทจึงได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าวข้าง ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกดีเพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกันบริษัทฯยังเห็นถึงสัญญาณของผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เริ่มย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศตามการกระตุ้นของนโยบายรัฐบาลในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือEEC (Eastern Economic Corridor) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ต่างประเทศภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ส่งผลให้ความต้องการบริการโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้นและบริษัทได้รับอนิสงค์ตามไปได้ ทำให้บริษัทฯมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.03 พันล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 2-3 ราย เพื่อเข้ารับงานจากผู้ผลิตแผงโซล่าเซลล์ คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้และเริ่มรับงานได้ทันที ในขณะเดียวกันได้มีการต่อยอดการให้บริการจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสในการเพิ่มปริมาณงานบริการในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจรากับพันธมิตรในเอเชียอยู่ 2-3 ราย เพื่อเข้าซื้อกิจการ(M&A) โดยบริษัทฯคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทได้วางงบลงทุนสำหรับการทำดีลดังกล่าวไว้ราว 200ล้านบาท จากเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทฯที่บริษัทฯมองว่าค่อนข้างเพียงอยู่จากศักยภาพในการบริหารจัดการกระเเสเงินสดภายในบริษัท ประกอบกับมีศักยภาพในการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.2
นางสาวณัฐนันท์ ประสงค์ชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป บมจ.บางกอก เดค-คอน หรือ BKD เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,367 ล้านบาท เป็นผลมาจากจำนวนงานทั้งภาครัฐและเอกชนในช่วงครึ่งปีหลังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เลือกรับงานที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยตามนโยบายบริษัทราว 15% จึงทำให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมายังมีรายได้การขายที่ดิน กรุงเทพ-กรีฑา มูลค่าราว 400 ล้านบาท แต่บริษัทมิได้นำรายได้พิเศษดังกล่าวเข้ามารวมในการเติบโตของรายได้ แต่ถ้าหากรวมรายได้พิเศษดังกล่าวเข้ามาคาดว่าจะทำให้ภาพรวมรายได้ปีนี้เติบโตได้มากกว่า 50% หรือแตะ2,000ล้านบาท
ทั้งนี้การรับงานในต่างประเทศยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทำการเซ็นสัญญาเพื่อรับงาน (MOU) ซึ่งเป็นงานประเภท รับเหมาตกแต่งภายใน มูลค่างานทั้งหมด ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาของปีนั้น ได้รับรู้เป็นรายได้ไปแล้ว 250 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปีจะรับรู้เพิ่มอีก 200 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือหากสัญญาจ้างไม่ล่าช้าจะสามารถรับรู้อีก 550ล้านบาทในปี 2561 ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทกพยายามหางานใหม่เข้ามาทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้ารายเดิมที่มีแผนจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมและหมู่บ้านอีก ซึ่งบริษัทก็หวังว่าจะได้รับงานต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานประเภทตกแต่งภายในมูลค่างานรวมทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นงานของภาคเอกชน ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 20% ขณะเดียวกันยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก มูลค่ารวมราว 2,500 ล้านบาท และเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปทันภายในปีนี้ และจากนั้นจะเข้ามาสนับสนุนงานในมือ(Backlog)ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายตัวของผลประกอบการและหวังว่าผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนในระดับสูงสุด
อีกทั้งบริษัทมีแผนรุกรับงานในประเทศเมียนมาร์และประเทศเวียดนาม ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งมาร์เก็ตติ้งเข้าไปทำการตลาดและแสวงหางาน รวมถึงได้ทำการศึกษาแผนต่างๆที่จะเข้าไปลงทุน โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้ ซึ่งหากได้รับงานจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ภายในปีหน้าเข้ามาทันที
----จบ---