สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 กันยายน 2561)

AMA คงเป้ารายได้ปีนี้โต 30%  พร้อมมั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตกว่า ครึ่งปีแรก  หลังเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ   ระบุชะลอแผนซื้อเรือลำใหญ่ในครึ่งปีหลัง เหตุต้นทุนน้ำมันยังสูง   แย้มอยู่ระหว่างทำดีล M&A ธุรกิจขนส่ง 1 ราย คาดชัดเจน พ.ย.นี้

นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทฯยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30 % จากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,549.87 ล้านบาท โดยงวดครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 818.46 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้จากการขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจำนวนเรือและรถบรรทุกน้ำมันเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันฯ บริษัทมีเรือขนส่งน้ำมันทั้งหมด 11 ลำ และรถบรรทุกน้ำมันทั้งหมด 150 คัน

อีกทั้งบริษัทฯได้มีการปรับอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 2-3 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นครั้งละ 3-5% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่ที่ราว 80 เหรียญสหรัฐ/บาเรลล์ ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีที่อยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/บาเรลล์สำหรับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของบริษัทฯนั้น บริษัทฯมีนโยบายประกันความเสี่ยงโดยการซื้อน้ำมันล่วงหน้าในบางเดือน ซึ่งบริษัทฯได้มีการล็อคราคาน้ำมันไว้ราว 30-40% ของน้ำมันที่ใช้ทั้งหมด

"ต้องบอกว่าตอนนี้หลักๆคือเราได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของเรา โดยตอนนี้ราคาน้ำมันได้ขึ้นมาทะลุ 80 เหรียญสหรัฐ/บาเรลล์ แล้ว ดังนั้นที่เป็นห่วง คืออัตรากำไรขั้นต้นของเรา แต่ในแง่ของรายได้เรายังคงเป้าไว้เหมือนเดิมที่ 30 % เพราะธุรกิจเรามีการเติบโตขึ้น เรามีเรือ ในการขนส่งเพิ่มมากขึ้น และเราก็มีการปรับราคาค่าขนส่งขึ้น ในปีนี้ 2-3 ครั้งแล้ว ครั้งละ 3-5 % อีกอย่งเราก็ได้มีการ FIX ราคาน้ำมันไว้ราว 30-40 % ของที่ใช้ทั้งหมด จากอดีตที่เราไม่เคยมีการ FIX เลย " นายพิศาล กล่าว ส่วนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯ ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากรายได้ 72% ของบริษัทจะรับเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และมีการใช้จ่ายเป็นดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน

นายพิศาล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทฯ มีนโยบายให้บริษัทฯ มีการซื้อรถบรรทุกน้ำมันเพิ่ม ภายในไตรมาสที่ 1/2562 ซึ่งบริษัทจะต้องมีการสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ดังนั้นอาจจะเห็นได้การสั่งซื้อในไตรมาสที่4/2561 โดยจะซื้อราว 20 คัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะซื้อรถบรรทุกน้ำมัน 30 คัน แต่ทั้งนี้บริษัทฯ จะต้องดูถึงอัตราการใช้ก่อน ถ้าสามารถที่จะเพิ่มเป็น 85% ปีก่อน 75 % ได้บริษัทก็จะมีการซื้อรถดังกล่าว

ด้านแผนการลงทุนในปีนี้ เดิมบริษัทฯ จะซื้อเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ เพิ่ม 2 ลำ ซึ่งได้ซื้อไปแล้วในครึ่งปีแรก 1 ลำ ส่วนอีกหนึ่งลำบริษัทจะซื้อในครึ่งปีหลังนั้น ขณะนี้บริษัทได้มีการชะลอแผนการซื้อเรืออีก 1 ลำ ไปก่อน เนื่องจากบริษัทฯ เห็นว่าราคาต้นทุนน้ำมันยังสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ โดยในช่วงครึ่งปีแรกอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 17.51 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 27.19%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อธุรกิจขนส่ง 1 ราย ซึ่งขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีการอนุมัติให้ตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน ( FA) ในการเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกระบวนการอยู่ระหว่างตกลงราคา คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

"ขณะนี้เราอยู่ระหว่างทำดีลที่จะเข้าซื้อธุรกิจขนส่ง 1 ราย เราได้มีการเจรจากันเรียบร้อยแล้ว กระบวนการตอนนี้บอร์ดก็อนุมัติให้ตั้ง FA แล้ว กระบวนการที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตกลงเรื่องราคา ถ้าราคาเราสามารถรับได้คาดว่าดีลนี้ก็จะเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ถ้าตกลงกันเรื่องราคาไม่ได้ เราก็จะหันไปคุยกับเจ้าอื่นๆที่เหลืออยู่แทน" นายพิศาล กล่าว

ส่วนแหล่งเงินทุน จะมาจากกระแสเงินสเของบริษัท และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ราว 80 % โดยปัจจุบันบริษัทอัตราหนี้สินต่อทุน ( D/E) อยู่ที่ 0.8 เท่า และมีสินทรัพย์ที่ปลอดการจำนอง ซึ่งเป็นเรือขนส่งน้ำมัน 5 ลำ จึงทำให้บริษัทมีความสามารถในการกู้ได้อีกมาก

AMA