สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  4  กันยายน  2560 ) --------พลันที่มีกระแสข่าวสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการและผู้บริหาร บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) 2 ราย ได้แก่ 1.นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ และ 2. นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ กรณีซื้อหุ้น BIG โดยอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้นก่อนประกาศงบปี 2558 โดยถูกปรับรวมกัน 6.25 ล้านบาท และห้ามบริหารงานเป็นเวลา  1 ปี

ท่ามกลางความงุนงงของนักลงทุนว่า การเข้าไปซื้อหุ้นในห้วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงไซเลนพีเรียด และไม่ได้เป็นการซื้อเข้า-ขายออก เพื่อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแสดงสปิริต และสะท้อนให้เห็นถึงความมี “ธรรมาภิบาล” ของ”บิ๊กคาเมร่า” ทั้ง 2 ผู้บริหาร ก็น้อมรับคำตัดสินของสำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล 

เรื่องนี้คงต้องถาม “ชาญ เธียรกาญจนวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการบริษัท บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) แม่ทัพใหญ่ตัวจริง ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และผลักดันให้ ”บิ๊กคาเมร่า” ก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดกล้องถ่ายภาพยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของเมืองไทย  ซึ่ง เขาให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร แต่ในส่วนของธุรกิจของบริษัทฯยังเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

แนวโน้มผลประกอบการในครึ่งหลังของปี 2560 ยังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ที่ 10-15% ตามแผนจากปี 2559 มีรายได้รวม 5,663 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ยังคงมาจากธุรกิจจำหน่ายกล้องในสัดส่วนประมาณ 90% จากธุรกิจ Big Mobile ประมาณ 5-7% และส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจ Printing ประมาณ 2%

โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเปิดสาขา Big Camera อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แผนงานที่กำหนด จะขยายสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา โดยปัจจุบันมีสาขา Big Camera จำนวน 223 สาขา ทั่วประเทศ

ส่วนธุรกิจ Big Mobile ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ที่ผ่านมากระแสตอบรับดีมาก มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสในการขยาย Shop เพิ่มทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากเดิมเน้นต่างจังหวัดเป็นสำคัญ

ขณะที่ธุรกิจ Printing ซึ่ง BIG เข้ามาบุกตลาดนี้มากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจ ในฐานะผู้นำตลาดกล้องถ่ายภาพอยู่แล้ว และธุรกิจดังกล่าว มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูงมาก ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของบริษัทฯเติบโต

             “บิ๊กคาเมร่า” ตั้งงบลงทุนการเปิดสาขาทั้งปีอยู่ที่ 60 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีสาขาของ BIG CAMERA ครบ 230 แห่ง จากปัจจุบัน 223 แห่ง สาขา BIG MOBILE 50 สาขา จากปัจจุบัน 37 สาขา และสาขา Printing จะเปิดให้ครบ 7 สาขา จากปัจจุบัน 3 สาขา

“ในช่วงครึ่งปีหลังถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ค่ายกล้องแบรนด์ต่างๆ เตรียมเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งในช่วงปลายปีจะมีการจัดอีเวนท์ใหญ่ พร้อมกับการจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อเอาใจลูกค้า ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายในปีนี้เติบโต 10-15% ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน”