
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 กันยายน 2561)
EPG มั่นใจรายได้งวดปี 61/62 เติบโต 10-15% แย้ม Q2 ยอดขายดีกว่า Q1 หลังกำลังซื้อเติบโตตามฤดูกาล, แย้มได้ข้อสรุปร่วมทุนธุรกิจ AEROKLAS ในแอฟริกา ภายในปีนี้ หวังเจาะตลาดแอฟริกา - ยุโรป,เผยอยู่ระหว่างศึกษานำ บ.ย่อย AEROKLAS เข้าตลท. ภายในปี 63 หากยอดขายแตะ 8 พันลบ. จากปัจจุบัน 4 พันลบ

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากการขายงวดปี 2561/2562 ( (เม.ย. 61-มี.ค. 62) เติบโตประมาณ 10-15% จากงวดปีก่อนที่มีรายได้ 9,908.89 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม คือ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex , ธุรกิจขิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Areklas และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ที่เติบโตดี ขณะที่บริษัทฯมองว่าแนวโน้มยอดขายสินค้าในงวดบัญชีไตรมาส2/2562 จะเติบโตกว่างวดบัญชีไตรมาส1/2562 มาจากกำลังการซื้อที่เติบโตตามฤดูกาล ซึ่งบริษัทเน้นกลยุทธ์การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้าง New S-Curve ของบริษัท รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเพื่อลดต้นทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้รวมจากในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจ Aeroklas 49% EPP 22-27 % และ Aeroflex 24%
อนึ่งประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 61/62 (เม.ย.61 – มิ.ย.61) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,623 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,382 ล้านบาท จำนวน 241 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ส่งผลให้ EPG มีกำไรสุทธิ 305 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 287 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 29% ซึ่งบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายเฉลียว กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas เติบโตไปได้ด้วยดี โดยงวดบัญชีไตรมาส 1 2561/2562 บริษัทฯมีรายได้ 1281.9 ล้านบาท ซึ่งโต 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากผลิภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทปูพื้นกระบะ หลังคาครอบกระบะและบันไดข้างรถกระบะ ที่มีความต้องการใช้สูงขึ้นตามการขยายตัวของตลาดรถยนต์ ประกอบกับบริษัทยังได้รับรู้รายได้แบบเต็มไตรมาส โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศอยุ่ที่ 24.5% และต่างประเทศ 75.5% โดยบริษัทได้นำผลิตภัณพ์พื้นปูกระบะไปขยายตลาดในมาเลเซีย ประเทศจีน เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทนยังมีแผนนำผลิตภัณพืใหม่ ได้แก่ บันไดข้างรถกระบะซึ่งออกแบใหม่ให้กับบริษัทรถยนต์และผลิตภัณฑ์เดิมของ Aeroklas แต่ออกรุ่นใหม่เพิ่มเติมและผลิตภัณฑ์อื่นๆที่จะทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทฯคาดว่าจะได้ข้อสรุปร่วมทุนธรกิจ AEROKLAS ในแอฟริกา ภายในปีนี้ เพื่อหวังเจาะตลาดในแอฟริกาและยุโรปเพิ่ม อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างศึกษาเพื่อนำ บริษัทย่อย TJM Pty.Ltd (TJM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2563 หากมียอดขายสินค้าแตะ 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดขาย 4,000 ล้านบาท

ด้านธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีปัจจัยหนุนการเติบโตจากตลาดในประเทศและต่างเทศ โดยเฉพาะในอเมริการและญี่ปุ่น มีที่ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยงวดบัญชีไตรมาส1 2561/2562 บริษัทฯมีรายได้ 733.2ล้านบาท ซึ่งโต 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯได้ลงทุนปรับปรุงไลน์การผลิตในอเมริกา โดยใช้เครื่องจักรความเร็วสูงและจะทยอยปรับปรุงไลน์การผลิตใหม่เพิ่มเติมในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ลงทุนขยายโรงงานใหม่ในประเทศคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2562
ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP บริษัทฯได้ลงทุนเครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง ทำให้กำลังการผลิตขนาดใหญ่ อีกทั้ง EPP ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหารจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก โดยภายในปีนี้คาดว่าจมีผลิตภัณฑ์ใหม่่ 4-5 กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและบรรจุภัณฑ์ โดยงวดบัญชีไตรมาส1 2561/2562 บริษัทฯมีรายได้ 608.2 ล้านบาท ซึ่งโต 3.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศอยุ่ที่ 91.0% และต่างประเทศ 9.0%
"ยอดขายมีการเติบโตขึ้นถึงแม้ว่าการบริโภคจะมีสัดส่วนที่น้อย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ได้รับรองมาตราฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงถือว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท" นาย.เฉลียว กล่าวทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสะสมถึง 3,500 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) 0.29 เท่า นอกจากนี้มีหุ้นกู้ที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ 2,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นด้วย ส่วนแผนการเข้าซื้อกิจการบริษัทฯยังคงศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ธุรกิจที่มีโอกาสสร้างฐานลูกค้า และธุรกิจอื่นๆที่มีโอกาสการเติบโต โดยมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ขนาด 1,000 ล้านบาท ยังไม่สามารถประเมินช่วงเวลาการสรุปดีลได้
EPG