Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : EGCO เล็งกำไรปีนี้โต 6% เจรจาซื้อโรงไฟฟ้า2-3 ดีล

4,034

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 สิงหาคม 2561)

 

EGCO คาดกำไรจากการดำเนินการปีนี้โต 6%  เล็งผลงาน Q3/61 โตกว่า Q2/61 เหตุบาทเเข็ง-ไร้แผนหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า   แย้มอยู่ระหว่างเจรจา M&A  โรงไฟฟ้าฟอสซิล - พลังงานทดแทน ทั้งในปท.-เอเชียแปซิฟิก 2-3 ดีล คาดได้ข้อสรุปภายในปี เผยอยู่ระหว่างหาพันธมิตรก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่โรงไฟฟ้าระยอง ขนาด 500 ไร่  พร้อมรุกหาโรงไฟฟ้าใหม่มาทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่ขายไป

 

นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) EGCO เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2561 มีแนวโน้มเติบโตกว่าไตรมาสที่ 2/2561 เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่ากว่าช่วงไตรมาส 2/2561 ที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 33.40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบให้ผลประกอบการพลิกขาดทุนราว 5,300 ล้านบาท ประกอบกับในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทฯไม่มีแผนที่จะหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้โรงไฟฟ้าของบริษัทฯสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทุกโครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์รวม 26 โครงการ ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ,ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ,ออสเตรเลีย โดยมีกำลังการผลิตรวม 4,260 เมกะวัตต์

 

"เราคาดว่าไตรมาส 3/2561 ผลการดำเนินงานของเราจะโตกว่าไตรมาส 2/2561 เพราะว่าค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า ซึ่งเมื่อไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 33.4 บาท/ดอลล์ ทำให้เราพลิกขาดทุนกว่า 5,300 ล้านบาท แต่สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ก็ต้องขึ้นกับค่าเงินบาท ถ้าบาทแข็งก็นับว่าส่งผลดีกับเรา" นายจักษ์กริช กล่าว

 

 


ขณะที่คาดว่าในปีนี้กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโต 6% จากปี 2560 อยู่ที่ 9,260 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการหยุดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ที่สปป.ลาว จากการที่สภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยที่ผ่านมาได้หยุดไป 2 ช่วง ช่วงแรกประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ราว 16-17 วัน และช่วงที่สองประมาณกลางเดือนสิงหาคม และเพิ่งจะเริ่มเดินเครื่องต่ออีกครั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯมองว่าการหยุดเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าน้ำเทินไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัทฯแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีการเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังหาเพื่อเป็นการทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ได้แก่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด(มหาชน)หรือ EASTW ,บริษัท จีเดค จำกัด และโรงไฟฟ้ามาซินลอค ฟิลิปปินส์ ที่บริษัทฯได้มีการขายหุ้นทั้งหมดไปเมื่อไตรมาส1/2561

 

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมองหาโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งโครงการที่ได้มีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และโครงการ Greenfield ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ราว 2-3 ราย ขนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทฯมีความคาดหวังว่าจะสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมด

 

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ในการร่วมมือกันก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมในโรงไฟฟ้าจังหวัดระยอง มีพื้นที่กว่า 500 ไร่ ซึ่งได้หมดอายุสัญญาในการซื้อขายไฟฟ้าแล้ว โดยการก่อสร้างนิคมฯดังกล่าวบริษัทฯคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

 


ด้านนายดนุชา สิมะเสถียร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่า สำหรับแหล่งเงินทุนในการลงทุนขยายธุรกิจ ปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือราว 30,000 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1 เท่า และจะรักษาให้อยู่ในระดับไม่เกิน 3 เท่า อีกทั้งบริษัทฯยังมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีกราว 200,000 ล้านบาท ซึ่งทำบริษัทมั่นใจว่ามีเงินเพียงพอในการรองรับการลงทุนดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น

 

 

ส่วนงบลงทุนในปีนี้ บริษัทได้เตรียมไว้ที่ 12,000 ล้านบาท โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ 3,000 ล้านบาท และอีก 9,000 ล้านบาทมาจากการกู้สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้ไปแล้วในปีนี้ 800 ล้านบาทปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าไซยะบุรี,น้ำเทิน 1 ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้า "ซานบัวนาเวนทูรา" ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนรวม 544 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562 และปี 2565 ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 4,804 เมกะวัตต์

 

นายจักษ์กริช กล่าวเสริมว่า “เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ตามแผนกลยุทธ์ ที่วางไว้ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญ และเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีฐานอยู่แล้วและสามารถขยายตลาดได้อีก รวมทั้งแสวงหาโอกาสขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและการพัฒนาโครงการประเภท Greenfield สำหรับ การลงทุนในประเทศ บริษัทฯ มีความพร้อมสำหรับการลงทุนตามนโยบายของภาครัฐและแผนพัฒนากำลัง การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (พีดีพี) ที่กำลังปรับปรุงใหม่”

 

 

สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 17,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จำนวน 11,313 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 174 หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ จำนวน 2,364 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 5,894 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 167 โดยมีสาเหตุหลักจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท และจ่ายเงินปันผลพิเศษ ในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นหุ้นละ 6 บาท ในวันที่ 14 กันยายน 2561

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้