Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PTTEP เจอพิษ FX ฉุดกำไรโค้ง 2 ทรุด 49%

11,419

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์  (26 กรกฏาคม 2561)  PTTEP แจงกำไร Q2/61 ทรุด 49% เหตุ รับผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน -ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน มองแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในครึ่งหลังของปี 61 อยู่ในช่วง 65-75 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดปริมาณการขายเฉลี่ยไตรมาส 3/61 อยู่ที่ราว 308,000 บาร์เรล/วัน - ทั้งปี 61 คาดจะอยู่ที่ราว 310,000 บาร์เรล/วัน ปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 1.75 บ. กำหนดจ่าย 24 ส.ค. 61

 

 

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 3.59 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.83 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.54 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.67 บาท โดยผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ปี 2561 เปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2560เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 220 ล้านดอลลาร์ สรอ. ปตท.สผ. และบริษัทย่อยมีกำไรลดลง 107 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 49 แต่กำไรจากการดำเนินงานปกติ ในไตรมาส 2 ปี 2561 จำนวน 336 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 169 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 2560 ที่มีกาไร 167 ล้านดอลลาร์ สรอ.

 

โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 318 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 79 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยหลักจากหลุมพัฒนาและแท่นหลุมผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการเอส 1 และโครงการคอนแทร็ค 4 รวมทั้งค่าใช้จ่ายดาเนินงานเพิ่มขึ้น 16 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่เกิดจากการขายน้ำมันดิบของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชียในไตรมาส 2 ปี 2561 มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หากพิจารณาเฉพาะขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติในไตรมาส 2 ปี 2561 จำนวน 223 ล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนแปลงลดลง 276 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2560 ที่มีกำไร 53 ล้านดอลลาร์ สรอ. สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 อ่อนค่าลง 1.94 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2560 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.47 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 230 ล้านดอลลาร์ สรอ.

 

 


สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2561 ปตท.สผ.และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 536 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลง 33 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยแบ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ 640 ล้านดอลลาร์ สรอ. และ ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ 104 ล้านดอลลาร์ สรอ.กำไรจากการดาเนินงานปกติ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2561 จำนวน 640 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 262 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเปรียบเทียบกับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2560 ที่มีกำไร 378 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 439 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 67 ล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนใหญ่มาจากหลุมพัฒนาและแท่นหลุมผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการคอนแทร็ค 4 และโครงการเอส 1 รวมทั้งค่าภาคหลวงและค่าตอบแทนสำหรับปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 38 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามรายได้ค่าขายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น

 

หากพิจารณาเฉพาะขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2561 จำนวน 104 ล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนแปลงลดลง 295 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อเปรียบเทียบกับงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2560 ที่มีกาไร 191 ล้านดอลลาร์ สรอ. สาเหตุหลักมาจากค่าเงินบาทในงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2561 อ่อนค่าลง 0.49 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่ค่าเงินบาทในงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2560 แข็งค่าขึ้น 1.85 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 219 ล้านดอลลาร์ สรอ. รวมทั้งบริษัทรับรู้ขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินโดยหลักจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ามันในงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2561 จานวน 51 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในขณะที่รับรู้กาไรจากรายการดังกล่าวในงวดหกเดือนสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ปี 2560 จานวน 3 ล้านดอลลาร์ สรอ.

 

 

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP กล่าวว่า ผลประกอบการของ ปตท.สผ. ในครึ่งแรกของปี 2561 มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (recurring net income) อยู่ที่ 640 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 20,381 ล้านบาท)สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 69 จาก 378 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 13,154 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. มีขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (non-recurring items) รวม 104 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 3,410 ล้านบาท) โดยหลักเป็นการขาดทุนและค่าใช้จ่ายทางภาษีจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาทระหว่างงวด และขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของ ปตท.สผ. ส่งผลให้ครึ่งแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิ (net income) 536 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 16,971 ล้านบาท) ลดลงประมาณร้อยละ 6 จาก 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 19,820 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560

 

ทั้งนี้ ปตท.สผ. มีรายได้รวมในครึ่งปีแรก จำนวน 2,562 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 81,343 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จาก จำนวน 2,121 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 73,693 ล้านบาท) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวสูงเป็น 45.51 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จาก 38.04 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และปริมาณขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 297,999 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 292,709 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ในส่วนของต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) สำหรับครึ่งปีแรกปรับตัวขึ้นจาก 28.29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ มาอยู่ที่ 30.37 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7% เป็นผลของค่าภาคหลวงที่สูงขึ้นตามรายได้และการปรับตัวของค่าเสื่อมจากการรับรู้สินทรัพย์ที่พร้อมใช้งานของโครงการคอนแทร็ค 4 และโครงการเอส 1 ซึ่ง ปตท.สผ. เชื่อว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยสำหรับปี 2561 ได้ในระดับ 30-31 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

 

 

จากผลประกอบการดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. งวด 6 เดือนแรกปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท สอดคล้องกับนโยบายการให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น โดย ปตท.สผ. กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (record date) ในวันที่ 9 สิงหาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ปตท.สผ. ยังเน้นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ 3R (Reset-Refocus-Renew) โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้มีความคืบหน้าจากการดำเนินการตามกลยุทธ์ Refocus โดยการเข้าซื้อสัดส่วนในโครงการบงกชจากบริษัทในเครือของกลุ่มเชลล์แล้วเสร็จ ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการถือสัดส่วนในโครงการบงกชเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 66.6667 และปริมาณการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน “ปตท.สผ. มองหาโอกาสและปรับแผนการลงทุนอยู่เสมอ สะท้อนผ่านการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา จากการเข้าซื้อสัดส่วนร้อยละ 22.2222 ในแหล่งบงกช ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม ปตท.สผ. ได้อนุมัติขายสัดส่วนการลงทุนทั้งหมดในแหล่งมอนทารา พร้อมทั้งเดินหน้าประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ โดย ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับการลงทุนและความพยายามที่จะเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความชำนาญและความเสี่ยงตํ่า โดยหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางเพื่อสร้างความเติบโตทั้งในเรื่องของปริมาณขายและปริมาณสำรอง ” นายสมพร กล่าว

 


นอกจากนี้ โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ได้รับอนุมัติแผนพัฒนาจากรัฐบาลแอลจีเรียแล้ว ขณะที่โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน มีความคืบหน้าอย่างมากทั้งในเรื่องการเตรียมการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว และการสรุปสัญญาซื้อขายระยะยาวกับผู้ซื้อ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision หรือ FID) โดยมีเป้าหมายภายในครึ่งแรกของปีหน้า

 

 

บริษัทฯ คาดว่าแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในครึ่งหลังของปี 2561 จะอยู่ในช่วง 65-75 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของเวเนซุเอลาและอิหร่านที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา ประกอบกับการผลิตน้ามันดิบในสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวจากข้อจากัดด้านท่อขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นว่ากลุ่มประเทศโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะขยายเวลาความร่วมมือในการจากัดกำลังการผลิตออกไปถึงปี 2562 หลังจากที่ข้อตกลงเดิมจะจบในสิ้นปี 2561 เนื่องจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย (Aramco) มีแผนเข้าตลาดหุ้น (IPO) ในปี 2562

 

ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยกดดันราคาน้ามันดิบ โดยหลักจากประเทศในกลุ่มโอเปกนำโดยซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทดแทนการผลิตที่หายไปจากลิเบีย อิหร่าน และเวเนซุเอลา รวมไปถึงการที่สหรัฐอเมริกาดาเนินนโยบายตั้งกาแพงภาษีกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจมีการตอบโต้กลับจนกลายเป็นสงครามการค้า (Trade War) และการเลือกตั้งในอิตาลีในปลายปี 2561 ที่อาจมีผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจปตท.สผ. พยายามรักษาระดับการผลิตของแต่ละโครงการ โดยคาดว่าปริมาณการขายเฉลี่ยของไตรมาส 3 ปี 2561 และทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 308,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และประมาณ 310,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ตามลำดับ โดยปริมาณการขายปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการรับรู้ปริมาณการขายเพิ่มเติมของโครงการบงกชที่การเข้าซื้อสัดส่วนเพิ่มเติมร้อยละ 22.2222 มีผลสมบูรณ์ในปลายเดือนมิถุนายน 2561 ทั้งนี้ ประมาณการปริมาณการขายเฉลี่ยของปี 2561 ได้รวมปริมาณการขายจากแหล่งมอนทาราในออสเตรเลียจนกว่าสัญญาซื้อขายสัดส่วนทั้งหมดในแหล่งมอนทาราจะแล้วเสร็จ

 

 

ราคาขาย : ราคาน้ำมันดิบของบริษัทจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วน ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ามันย้อนหลังประมาณ 6-12 เดือน บริษัทคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของไตรมาส 3 ปี 2561 และทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 6.5 ดอลลาร์ สรอ. ต่อล้านบีทียู เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (บนสมมติฐานราคาน้ามันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2561 ที่ 70 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล) ปตท.สผ. คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยสำหรับไตรมาส 3 ปี 2561 จะอยู่ในช่วง 31-32 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และสาหรับทั้งปี 2561 บริษัทยังคงประมาณการต้นทุนต่อหน่อยที่ 30-31 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

 

PTTEP

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้