BKD แย้มครึ่งปีหลังสดใส คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 9 กรกฏาคม 2561)   BKD คงเป้ารายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.89 พันลบ. ,แย้มครึ่งปีหลังสดใส ตุน Backlog ราว 2 พันลบ. ทยอยรับรู้ภายใน 2 ปีรอผลประมูลงานใหม่ราว 5 พันลบ. คาดคว้างาน 20-30%

นางสาวณัฐนันท์ ประสงค์ชัยกุล ผู้จัดการทั่วไป บมจ.บางกอก เดค-คอน หรือ BKD เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปีนี้ เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,892.79 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ภายใน 2 ปี "ตอนนี้ Backlog อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ที่ทยอยรับรู้ในช่วง 1-2 ปี งานที่กำลังจะประมูลก็มีอีกค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นงานภาคเอกชนไม่ใช่งานภาครัฐ เพราะฉะนั้นงานภาครัฐน่าจะต้องรอประมาณเดือนตุลาคมเป็นปกติอยู่แล้ว แนวโน้มของภาพรวมน่าจะหางานได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% เหมือนเดิม ซึ่งไม่เคยปรับเปลี่ยนเลย และก็สามารถทำมาได้ทุกปี" นางสาวณัฐนันท์ กล่าว ทั้งนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างรอประมูลงานจากภาครับและเอกชนมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะมีโอกาสได้รับงานดังกล่าวประมาณ 20-30%

 

"ตอนนี้มีมีงานโรงแรม งานโรงพยาบาลเข้ามาเรื่อยๆ และเรามีงานให้เราได้เข้าไปเสนอราคาอยู่เรื่อยๆ สำหรับครึ่งปีหลังก็น่าจะเหมือนครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและคอนเนกชั่นใหม่ๆที่มีเข้ามา ทำให้ตอนนี้ทางเรามีสิทธิ์เลือกงานมากขึ้น ดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน" นางสาวณัฐนันท์ กล่าว

 

นางสาวณัฐนันท์ กล่าว เพิ่มเติมว่านอกจากการเติบโตจากธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในแล้ว บริษัทฯ ยังได้บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BTS เข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้ออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(พีพี) ให้ BTS เข้ามาถือหุ้น โดยคาดว่าจะช่วยต่อยอดธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในของบริษัทได้ เนื่องจาก BTS มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะโรงแรมในเครือบริษัท ยูซิตี้ จำกัด(มหาชน) ซึ่งบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นอยู่ประมาณ 35%

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเข้าถือหุ้นในบริษัทโกลด์ ชอร์ส จำกัด(GS) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่บางส่วนจ.ภูเก็ตและจ.พังงา บางส่วน ทั้งทางตรงและทางอ้อมสัดส่วน 46% ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 3 ปีนี้จะสามารถเริ่มจ่ายน้ำในเชิงพาณิชย์ได้
"ฝาก BKD ให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นทุกคน ตอนนี้เราจะมีการลงทุนในธุรกิจน้ำ และได้ BTS เข้ามาเป็นพันธมิตรด้วย เพราะเราอยากจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น " นางสาวณัฐนันท์ กล่าว

 

FLOYD ปักหมุด รายได้ปีนี้โต20% เล็งประมูลงานเพียบ 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 9 กรกฏาคม 2561)   นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า สำหรับปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 319 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 307 ล้านบาท หลังจากล่าสุดเพิ่งได้รับงานก่อสร้าง ไอดีโอ คิว สุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัย 47 ชั้น จำนวน 1 อาคาร และ 24 ชั้น จำนวน 1 อาคาร เป็นงานระบบวิศวกรรมระบบประกอบอาคาร มูลค่างานรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 197.44 ล้านบาท งานรวมค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้าง มีระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี 3 ทั้งนี้ Backlog ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปีนี้

ขณะที่บริษัทฯ ยังมีแผนประมูลงานใหม่อีกหลายโครงการ ทั้งงานโครงการประเภทอสังหาริมทรัพย์ ,วัสดุก่อสร้าง และค้าปลีก อนึ่ง FLOYD เป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลหรือที่รวมเรียกว่า MEP (Mechanical, Electrical and Plumbing Engineering) โดยขอบเขตการให้บริการของบริษัทฯ จะครอบคลุมตั้งแต่งานรายละเอียดทางวิศวกรรม (Detailed Engineering) การจัดหาวัตถุดิบ (Procurement) และงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร,ระบบสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัย และระบบปรับอากาศ (Construction) โดยมีลูกค้าหลักอยู่ใน กลุ่มห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก กลุ่มอาคารห้องชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารสำนักงาน กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มมหาวิทยาลัย และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งงานในลักษณะดังกล่าวเป็นงานที่มีความซับซ้อน และมีมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ มีคุณภาพและด้วยมาตรฐานในการดำเนินงานด้วยประสบการณ์การทำงานกว่า 29 ปี ในงานที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามรายละเอียด รูปแบบ และขนาดของโครงการ ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการให้บริการก่อสร้างงานระบบแบบครบวงจร โดยบริษัทมีนโยบายที่มุ่งเน้นการส่งมอบงานให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วยคุณภาพและงบประมาณที่เหมาะสม

 

BSM มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 800 ลบ. ,ปี 62 แตะ 1 พันลบ. 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 กรกฏาคม 2561) BSM แย้มผลงานครึ่งปีแรก โตกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งปีมั่นใจรายได้โตเข้าเป้า 800 ลบ. ลั่นปี 62 รายได้โตก้าวกระโดด แตะ 1 พันลบ. หลังเริ่มรับรู้ฯ โครงการอสังหาฯ

 

นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า ภาพรวมของผลประกอบการครึ่งปีแรก คาดว่าน่าจะดีกว่าของช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้ปี 2561 ไว้ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 599.84 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ และสนับสนุนกำไรให้เพิ่มสูงขึ้น ส่วนธุรกิจหลัก ธุรกิจการผลิต และจำหน่ายอลูมิเนียม อัลลอย และธุรกิจผลิต และจำหน่ายประตู หน้าต่าง ก็ยังคงเติบโตได้ดี ภายใต้แผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ วางตลาดอย่างต่อเนื่อง ยังมีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีก่อนจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น"ครึ่งปีแรกของปีนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกของปีที่แล้วหรือพอๆกัน ตลาดของเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ วัสดุก่อสร้าง และ อสังหาริมทรัพย์ ส่วนของวัสดุก่อสร้างยังทรงๆอยู่ ส่วนของอสังหาริมทรัพย์เรามีการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้ในปีนี้น่าจะมีรายได้ตามเป้าที่เราตั้งไว้ ซึ่งครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้น่าจะโตกว่าปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งครึ่งปีแรกรายได้น่าจะดีกว่านิดหน่อย" นายสัญชัย กล่าว

 

 

นายสัญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากการรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้ในปี 2562 เติบโตอย่างก้าวกระโดด มาที่ระดับ 1 พันล้านบาท หลังจากบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 และจะรับรู้เต็มที่ในปีหน้าเป็นต้นไป
"แผนการใช้เงินทุนเรามีแผนลงทุนทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม น่าจะถือว่าดีสำหรับปีนี้ ปีหน้าน่าจะใช้เงินมากขึ้น แต่ว่าน่าจะได้จากคอนโดฯที่สร้างเสร็จและขายหมดแล้ว" นายสัญชัย กล่าว

 

 

ทั้งนี้สัดส่วนรายได้จะมาจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ 40% และจากการขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน-อาคาร 60% "สำหรับปีนี้ BSM ก็คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์ก็จะเติบโตขึ้น ทำโครงการใหม่มากขึ้น ส่วนด้านวัสดุก่อสร้างก็ยังคงเติบโตได้ ดังนั้นในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของ BSM "นายสัญชัย กล่าว ส่วนค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่า และสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อบริษัทฯ มากนัก เนื่องจากตลาดหลักของบริษัทฯ อยู่ในประเทศ

 

 

บิ๊ก KOOL หวังรายได้ไม่ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ปีนี้โต 25% แม้ครึ่งปีแรกอาจพลาดเป้า 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 กรกฎาคม 2561)  บิ๊ก KOOL ยอมรับครึ่งปีแรกปีนี้ พลาดเป้า เหตุสภาพอากาศไม่ร้อน-ครึ่งปีหลัง รุกหนัก ใช้ธุรกิจกลุ่มตัวประหยัดพลังงาน-สิ่งแวดล้อม เจาะตลาดส่งออก งานนี้ดิ้นทำทุกวิถีทาง ขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อย-โฟกัสลูกค้าองค์กร หวังรายได้ไม่ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ปีนี้โต 25% เทียบกับปี 60 มีรายได้รวม 553.35 ลบ.

 

 

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า บริษัทฯคาดว่า ผลประกอบการในครึ่งปีแรกปีนี้มีแนวโน้มที่จะไม่เติบโตตามเป้า เนื่องจากสภาพอากาศในปีนี้ไม่ได้ร้อนมาก ประกอบกับมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าของทางบริษัทฯลดลง ส่วนครึ่งปีหลังปี 2561 บริษัทฯได้พยายามหาสินค้าใหม่มาเพิ่ม และขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มองค์กร"เราเชื่อว่าในส่วนครึ่งปีหลัง ธุรกิจที่เป็นกลุ่มตัวประหยัดพลังงานสิ่งแวดล้อม เรื่องของส่งออกในกลุ่มนี้ คิดว่าน่าจะเติบโตขึ้นมาได้ แต่ในส่วนที่เป็นลูกค้ารายย่อยในครึ่งปีหลังอาจจะไม่ใช่จังหวะของธุรกิจเพราะฉะนั้นในครึ่งปีหลังของกลุ่มลูกค้ารายย่อยเอง พวกช่องทาง Modern Trade ก็เป็นช่วงที่ชะลอตัว ส่วนนี้ก็คงเป็นแผนในเรื่องของการขายสำหรับปีหน้า" นายนพชัย กล่าวและว่าครึ่งปีหลัง บริษัทฯก็มีแผนจะหาสินค้าใหม่เพิ่ม เช่น สินค้าประเภทตู้น้ำดื่ม เนื่องจากเป็นสินค้าจะสามารถจำหน่ายได้ทั้งปี

ทั้งนี้บริษัทฯจะเร่งให้ผลการดำเนินงานในปี 2561 ให้มีการเติบโตที่ดีขึ้น เพื่อที่จะไม่ลดต่ำกว่าเป้ารายได้ที่วางไว้ที่เติบโต 25% จากปี 2560 ที่มีรายได้รวม 553.35 ล้านบาท โดยจะขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อย (ห้างค้าปลีก ตัวแทนจำหน่าย และออนไลน์) ที่ขายผ่านช่องทาง Modern Trade dealer ส่วนลูกค้าในกลุ่มรายองค์กร บริษัทฯก็จะขยายโดยการส่งทีมการตลาดเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทางภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสำคัญสำหรับบการส่งออกนั้น บริษัทฯได้ขยายการทำการตลาดไปยังกลุ่มประเทศทางซีกโลกใต้ ทั้งอเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนื่องจากครึ่งปีหลัง ทางซีกโลกใต้จะเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนนายนพชัยกล่าวถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า ว่า ไม่มีผลกระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯได้มีการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ล่วงหน้าแล้ว และบริษัทฯดำเนินกิจการด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์นำไปจ้างประเทศจีนผลิตอน และส่งเข้ามาที่ไทย ส่วนปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกา บริษัทฯก็ไม่ได้รับผลกระทบเข้ามาโดยตรง เนื่องจากสินค้าของบริษัทไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังมีการส่งออกไปยังประเทศแคนาดา และอเมริกา

 BKD       FLOYD         BSM          KOOL