Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : รึจะไม่มี Window Dressing !!! พยุง SET

3,580

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 26 มิถุนายน 2561)  "ประกิต สิริวัฒนเกตุ" เซียนหุ้นชื่อก้องแห่ง บล.กสิกร ทำนายโอกาสเห็น Window Dressing พยุง SET ยังริบหรี่ เหตุกองทุนเข้าซื้อแล้ว 2.2 หมื่นลบ. ด้านบล.โกลเบล็ก มองต่าง หุ้นไทยยังมี Window Dressing หนุน เล็ง CPALL, ADVANC, CPN, EA , TVO , GGC เป็นเป้าหมายทำ Window Dressing ขณะที่เทพหุ้น AECS จับตากองทุนทำ Window Dressing ดันหุ้นให้กรอบดัชนีฯ 1,615 - 1,670 จุด

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า มองว่าการทำราคาปิดงวดสิ้นไตรมาส (Window Dressing) ค่อนจะน้อย เนื่องจากกองทุนมีการเข้ามาซื้อในเดือนมิถุนายนนี้ แล้วประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท จึงมองโอกาสไม่มากนักที่จะเห็น Window Dressing ในไตรมาสที่ 2 นี้ สำหรับภาพของ SET วันนี้รีบาวน์มาเล็กน้อย แต่มองว่า SET ยังมีโมเมนตัมดี โดยคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะฟื้นตัวคืนนี้ หลังจากที่ปรับตัวลงแรงในวานนี้ เนื่องจากปัจจัยเรื่องสงครามการค้าผ่อนคลายลง ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ วันพรุ่งนี้ที่ 1615-1635 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากมองว่าระยะนี้ตลาดยังมีความเสี่ยงอยู่ โดยหากดัชนีฯ อยู่ต่ำกว่า 1610 จุด สามารถเข้าลงทุนระยะยาวได้ ซึ่งหุ้นที่สนใจ คือหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และขนส่งทางอากาศ

 

ด้านนางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าคาดมีโอกาสเห็นการทำราคาปิดบัญชีงวดสิ้นไตรมาสหรือ Window Dressing เนื่องจากก่อนนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากแล้ว จึงทำให้คาดว่าน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) เข้ามาสนับสนุนดัชนีฯ

 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ มีปัจจัยบวกมาจากราคาน้ำมันดิบปิดทะยานขึ้นขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด ประกอบกับแบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% เริ่ม 5 ก.ค.อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถระดมเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึง Fund Flow ขายสุทธิลดลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และ Window Dressing สิ้นงวดไตรมาส 2/2561

 

 



อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจาก ความกังวลว่าสงครามการค้าอาจลุกลามไปทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจสั่งห้ามไม่ให้บริษัทจีนเข้าไปลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ รวมทั้งมาตรการตอบโต้จากประเทศต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่มาตรการตอบโต้ของ EU ในการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้ามูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์จากสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ (29 มิ.ย.)

 

นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่น่าจับตา ได้แก่ ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ สหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้าน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค วันที่ 27 มิ.ย. จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์รวมถึง วันที่ 28 มิ.ย. การประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) หารือเรื่อง ปัญหาของกลุ่มผู้อพยพ Brexit และการจัดเก็บภาษีสินค้าโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนอียูจะ เปิดเผย ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผย GDP ไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และในวันที่ 29 มิ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

 


ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดีดตัว คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,600-1,665 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้นเข้า SETHD แนะนำ BCP, GLOW, MAJOR, RATCH, SGP, SPRC, TOP และ TTW รวมถึง หุ้นเข้า SET50 แนะนำ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH และ TOA ซึ่งจะมีผล 2 ก.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำ Window dressing ได้แก่ CPALL, ADVANC, CPN, EA , TVO และ GGC ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีสรรพสามิตสนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลสูตร B20

 

 

 

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (25-29 มิ.ย.) ว่า ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนและสหรัฐฯกับประเทศอื่น ยังคงเป็นตัวแปรหลักของตลาดซึ่งล่าสุดสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรป 20% จึงเป็นปัจจัยที่ต้องมาดูว่าท่าทีของกลุ่มยุโรปซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ จะมีการตอบโต้อย่างไร ซึ่งการตอบโต้จากประเทศต่างๆที่มากขึ้นจะยิ่งเป็นลบต่อตลาดหุ้น เพราะจะเพิ่มความกังวลว่า การค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกรวมถึงประเทศไทยจะเกิดการชะลอตัว

 

ดังนั้นด้วยปัจจัยต่างประเทศดังกล่าวที่ยังกดดัน จึงยังไม่ชัดว่าแรงขายหุ้นของนักลงทุนจะสิ้นสุดเมื่อใด แรงขายล่าสุดก็เกิดจากความกังวลเรื่องค่าเงินอ่อน ซึ่งเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นตลาดที่มีแรงขายมากถึง 4% (MSCI World Index ลดลง 2%) และคาดว่าแรงขายจะยังคงมีอยู่ จึงมองว่าตลาดมีโอกาสเกิด rebound หากไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,634 จุด ความเสี่ยงของตลาด คือ สงครามการค้าจะรุนแรงขึ้นหรือเบาลง แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ และค่าเงินบาท แต่ด้วยความแข็งแรงของ GDP และกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นไทย รวมไปถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามาก มีโอกาสที่จะเกิดแรงซื้อกลับ และประเมินว่าข่าวหรือปัจจัยในเชิงลบเหล่านี้ สะท้อนเข้ามาในดัชนีฯมากในระดับหนึ่งแล้ว แม้โอกาสที่ดัชนีฯจะกลับขึ้นไปหา 1,800 จุด จะไม่ง่าย แต่ที่ระดับ 1,690 จุด นั้น เรามองว่าสามารถขึ้นไปได้ไม่ยากนัก

 

สำหรับกลยุทธ์ในลงทุนสัปดาห์นี้ นักลงทุนอาจเตรียมพร้อมที่ขาย หากมีแรงขายกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง เราประเมินว่า ดัชนีฯ จะมีแนวรับที่แข็งแรงที่ระดับ 1,600 จุด จากดัชนีฯที่ซื้อขายที่ที่ระดับ forward P/E เพียง 15.2 เท่า ซึ่งค่อนข้างต่ำ ดังนั้น หากดัชนีฯปรับตัวลง น่าจะเป็นจังหวะของการเข้าซื้อหุ้นบางตัวที่มีความแข็งแรง ไม่อ่อนไหวไปตามตลาดมากเกินไป เช่น BBL ,KKP, EPG รวมถึง หุ้นที่อิงการลงทุนและนโยบายภาครัฐฯ คือ AMATA , CK ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมัน แนะนำ PTTEP, PTT และหุ้นที่ผันผวนน้อยให้ผลตอบแทนปันผลที่ดี แนะนำ LH และ QH ที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผล 5-6% ต่อปี KTBST คาดกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ 1,600-1,690 จุด

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (25-29 มิ.ย.) ให้กรอบดัชนี 1,615-1,670 จุด โดยได้ปรับปัจจัยความคาดหวังการทำ Window Dressing ของกองทุนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปีงบไตรมาส 2/2561 อีกทั้งปัจจัยในประเทศที่ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง

 

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงต้องจับตา ได้แก่ ความกังวลจากประเด็นสงครามการค้าที่มีทิศทางรุนแรงขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าข่มขู่ยุโรปด้วยมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 20% กดดันให้ยุโรปอาจดำเนินมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งสัปดาห์ก่อนยุโรปเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ารวม 2,800 ล้านยูโร และการเจรจากับจีนเพื่อยุติการจัดเก็บภาษีขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะเริ่มจัดเก็บจริงตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. นี้ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งตัวเลข เศรษฐกิจด้านการบริโภคของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีการบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งเป็น Leading Indicator สะท้อนแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนนี้

 

นอกจากนี้ยังคงจับตาการประชุมของกลุ่ม OPEC และรัสเซีย ในเดือนกรกฎาคมนี้ หากผลการประชุมมีมติเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด (เพิ่มขึ้น 600,000-700,000 บาร์เรลจากข้อจำกัดด้านการผลิตในบางประเทศ) อาจทำให้เกิดความกังวลด้าน Oversupply อีกครั้ง ทำให้มีมุมมองเชิงลบและคาดตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกมีโอกาสผันผวนต่อ

 

 

 

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้

1) หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมายทำ Window dressing เช่น BEAUTY, PTTGC, ADVANC, AOT, MINT

2) หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PBV ต่ำ 1 เท่า เช่น BBL, TCAP และ

3) หุ้น Domestic ที่คาดกำไรโตดี เช่น BDMS, BJC, CPALL, BA, JKN, AP, SPALI, SC, ANAN

 

ส่วนในทางเทคนิคสำหรับนักเก็งกำไร และนักลงทุนระยะกลาง ยังเน้นการถือเงินสดก่อน กลุ่มที่คาด Outperform สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่ม ขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS) โดยมี Top Pick ได้แก่ หุ้น AOT คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 67.50 บาท, หุ้นJWD คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 7.00 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 6.50 บาท 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้