สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 19 มิถุนายน 2561)-------- "ทิพย์ ดาลาล" บิ๊ก III คาดผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก หลังเข้าไฮ ซีซั่น ทั้งปีคาดรายได้โตมากกว่า20% - ทุ่ม 267 ลบ. ซื้อหุ้น50% ใน DG Packaging ขยายธุรกิจเชิงลึกเพิ่มกำไร คาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 5.6% หลังบริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น เผยในระยะ 5 ปีนี้ เล็งซื้อกิจการต่อเนื่อง ตั้งเป้าอย่างน้อยปีละ 1 ดีล
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการส่งออก ซึ่งปีนี้มีปริมาณการส่งออกมีการเติบโตสูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจหลักของบริษัทฯทั้งธุรกิจขนส่งทางอากาศ ขนส่งทางเรือ และขนส่งเคมีภัณฑ์ คาดว่าจะเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ดี ในธุรกิจขนส่งทางอากาศ พันธมิตรหลักของบริษัทฯ ได้แก่ สายการบิน ไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ มีการเปิดเส้นทางสายการบินใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในส่วนธุรกิจขนส่งทางเรือ สายเรือริเชา ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ จะมีการขยายเส้นทางการเดินเรือใหม่ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง นอกจากนี้สายเรือ CK Line ซึ่งเป็นพันธมิตรในบริษัทฯร่วมทุนของบริษัทฯ จะเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ไปภาคเหนือของประเทศจีน จากปัจจัยเหล่านี้จะล้วนเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งทางเรือให้กับบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่ารายได้จากธุรกิจการขนส่งทางเรือจะเติบโตไม่น้อยกว่า 50% ด้านรายได้ธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ อาทิ การบริหารคลังสินค้าระหว่างประเทศ ก็จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจขนส่งทางอากาศได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งเคมีภัณฑ์คาดว่าจะมีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยและการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายพื้นที่คลังสินค้าเคมีเพื่อรองรับการเติบโตไว้เรียบร้อยแล้ว น่าจะได้ประโยชน์จากการปริมาณการขนส่งสินค้าในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นช่วง Peak Season
นายทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตทั้งปีมากกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,326.73 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น โดยมั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 5.6% จากปีก่อนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.57 % หลังจากในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างการทำงาน และหาแนวทางต่างๆที่จะสามารถลดต้นทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำลงได้
ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ราย ในช่วง 5 ปี (2561-2565) ซึ่งแหล่งเงินทุน บริษัทฯ มีเพียงพอ โดยมีกระแสเงินสดจากการเสนอขายหุ้นสามัญใหม่แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) เหลืออยู่ 400-500 ล้านบาท " ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปเราตั้งเป้าที่จะเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ดีล เพื่อมาขยายธุรกิจในเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะทำให้บริษัทเข้าถึง Know how ในเชิงลึก โดยเราได้เริ่มเข้าซื้อกิจการตั้งแต่ปีนี้เป็นปีแรก และเรามั่นใจว่าภายใน 5 ปี จะสามารถทำได้เรื่อยๆ " นายทิพย์ กล่าว
สำหรับธุรกิจการขนส่งทางอากาศ หลังบริษัทฯ ได้เริ่มให้บริการคลังสินค้าระหว่างประเทศ ที่ทางอากาศยานดอนเมือง ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 85% ขณะที่หลังจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO) ได้ปลดธงแดง ทำให้บริษัทมีปริมาณการขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งกลุ่มพันธมิตรหลักของบริษัท คือ สายการบิน ไทยแอร์เอเซีย และไทยแอร์เอเซีย เอ็กซ์ ได้มีการเปิดเส้นทางสายการบินใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้น 50 % ในบริษัท DG Packaging Pte. Ltd. (DGP) ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศสิงคโปร์ที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์และให้บริการรับบรรจุสำหรับสินค้าอันตรายที่ใช้ในการขนส่งสินค้า โดยใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประมาณ 267ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ โดยประโยชน์ที่ทางบริษัทจะได้รับจาก บริษัท DG Packaging ได้แก่
1. จะช่วยให้กลุ่มบริษัทฯสามารถเติบโตและต่อยอดทางธุรกิจในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจืสติกส์ของสินค้าอันตรายในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการทำธุรกิจที่สำคัญของโลก
2. จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจจากการบูรณาการในแนวดิ่ง (Vertical Integrated) ของกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์ และสินค้าอันตรายของกลุ่มบริษัทฯ
3. การเข้าซื้อหุ้น DGP ดังกล่าวเป็นการลงทุนที่จะสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องในระยะยาวให้กับกลุ่มบริษัทฯ โดยล่าสุดในปี 2560 บริษัท DG Packaging มีรายได้ 198 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท ซึ่งการเข้าถือหุ้น DG Packaging ครั้งนี้ถือเป็นก้าวย่างทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ ทริพเพิล ไอ ในการขยายธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนอกจากจะเป็นศูนย์กลางทางการค้าในภูมิภาคอาเซียน ยังเป็นศูนย์กลางของตลาดโลจิสติกส์ สินค้าเคมี และสินค้าอันตรายในภูมิภาคนี้ การเข้าถือหุ้นใน DG Packaging ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจที่สำคัญของบริษัทฯ จึงเป็นการขยายธุรกิจในเชิงลึกที่จะเพิ่มกำไรให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต
ทั้งนี้ DG Packaging ยังเป็นบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการที่ดี โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 2561 กว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยทำให้ผลประกอบการของ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ทริพเพิล ไอ จะได้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจของ DG Packaging ซึ่งครอบคลุม 18 ประเทศใน 5 ทวีป
คำค้นหา
III