สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 21 พฤษภาคม 2561)------- ORI ขาย"ออริจิ้น วัน"ให้โนมูระ เรียลเอสเตท เข้าถือหุ้นสัดส่วน 49% มูลค่า 135 ลบ.รับรู้กำไรพิเศษ 73.5 ลบ. เดินหน้าร่วมทุน ผุดโครงการมิกซ์ยูส "ออริจิ้น 24" ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 มูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท ด้าน " พีระพงศ์ จรูญเอก" บิ๊กบอส ORI มั่นใจ โครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 จะเป็นแลนด์มาร์คใจกลางสุขุมวิท ปักธงปั้นธุรกิจ RECURRING INCOME เป็น TOP 3 ในวงการ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค (PARK) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นและพันธมิตรหลักของออริจิ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จะร่วมทุนกันในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส "ออริจิ้น 24" ตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ในซอยสุขุมวิท 24

ทั้งนี้ ได้ให้ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดำเนินการขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ดูแลโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 ให้แก่ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ 49% คิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ชำระแล้วรวมจำนวน 135,008,100 บาท ทั้งนี้บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จะรับรู้กำไรพิเศษ (Share premium) สำหรับดีลนี้เป็นจำนวน 73,500,000 บาท

"เราและโนมูระยังคงมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งมอบความสุขและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้บริโภค ผ่านการผสมผสานโนว์ฮาวของกันและกัน โครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น 24 จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของการใช้ชีวิต ใจกลางสุขุมวิท" นายพีระพงศ์ กล่าว

สำหรับโครงการออริจิ้น 24 เป็นโครงการมิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 500 เมตร บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย 2 อาคาร โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์หรูระดับ 5 ดาว รวม 411 ห้อง สำนักงานให้เช่าพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่รวม 3,200 ตร.ม. ภายในพื้นที่โครงการประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น ห้องประชุม ฯลฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้แต่งตั้งกรรมการใหม่ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ทดแทนกรรมการที่ลาออกไป 1 ท่าน ได้แก่ นางกมลวรรณ วิปุลากร ทั้งนี้พร้อมพ่วงอีกตำแหน่งสำคัญคือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน (Recurring Income) ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยนางกมลวรรณ วิปุลากร อดีตเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มธุรกิจโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจโรงแรมอย่างยาวนาน ถือเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีการแสดงวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจเร็วๆ นี้

โดยปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบัง , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ , โรงแรม สเตย์บริดจ์ สวีท ชลบุรี-ศรีราชา และ โครงการ ออริจิ้น 24 มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันยังมีแผนผุดโครงการเพิ่มอีก 2-3 แห่ง เตรียมพร้อมแผนธุรกิจในการเติบโตขึ้นเป็น TOP 3 ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ สำนักงานเช่า และคอมมูนิตี้มอลล์

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 46 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 65,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

ด้าน บล.บัวหลวง ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น โดย ORI เป็นหนึ่งในบริษัทในกลุ่มฯ ที่มีโอกาสทำผลงานได้ดีกว่าแผน ทั้งในด้าน Pre-sales, ยอดโอน, และกำไร ในขณะที่ 1Q18 บริษัททำกำไรได้ดีกว่าเราและตลาดคาด อย่างไรก็ดีใน 2Q18 บริษัทที่ตั้งใจจะ clear inventory มากกว่าจะเปิดโครงการใหม่ ส่งผลให้ในระยะสั้นหุ้นอาจไม่มีปัจจัยหนุนมากนัก แต่เรามองว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ประกอบกับกำไรที่จะก้าวกระโดดจากการโอน Park24 เฟส 2 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ปัจจุบันหุ้นเทรดบน P/E 10.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 12.1 เท่า และคาดกำไรจะเติบโตถึง 40% เป็น 2.8 พันล้านบาท
บริษัทรายงานกำไร 1Q18 ที่ 489 ล้านบาท เติบโต 184%YoY แต่อ่อนตัวลง 54%QoQ กำไรดีกว่าเราและตลาดคาด 63% เพราะมาร์จิ้น และรายได้ค่าบริหารโครงการสูงกว่าคาด รายได้จากการขายอสังหาฯอยู่ที่ 1,987 ล้านบาท (130%YoY แต่ลดลง 61%QoQ) (มาจากโครงการ Park24 ราว 800 ล้านบาท และโครงการอื่นราว 1,200 ล้านบาท) ในไตรมาสนี้มีโครงการที่สร้างเสร็จ เพื่อ 1 โครงการ คือ Knightsbridge Tiwanon
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.2% ดีกว่าคาด เพราะสัดส่วนการโอนโครงการ Park24 (มาร์จิ้นต่ำ) น้อยกว่าคาด และ Park24 มีมาร์จิ้นที่สูงขึ้น หลังจากบริษัทสรุปเรื่องการปรับ Purchase Price Allocation (PPA) เรียบร้อย ซึ่งว่า Park24 จะได้มาร์จิ้นที่ดีขึ้นกว่าใน 4Q17 และบริษัทมีรายได้ค่าบริหารโครงการ จากการร่วมทุนกับ Nomura Real Estate จำนวน 409 ล้านบาท
***Key updates from management ***
มั่นใจเป้าหมายรายได้ และ pre-sale บริษัทคงเปาหมายรายได้ปีนี้ที่ 1.5 หมื่นล้าบบาท โดยคาดจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 40% +/- ได้ และคงเปา pre-sale ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 1Q18 ทำไปแล้ว 5.0 พันล้านบาท
2Q18 เน้นการขายโครงการเดิม บริษัทเปิดโครงการไม่มากนักใน 2Q18 โดยจะเปิด Bloft 115 และ Notting hill ลาดพร้าว มูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาท โดยสิ่งที่บริษัทเน้นในไตรมาสนี้คือการ clear inventory ที่มีอยู่ คาดจะทำยอดจอง (pre-sale) ได้ราว 3.0 พันล้านบาท
2Q18 จะมีโครงการใหม่พร้อมโอนสูงราว 1.5 หมื่นล้านบาท ได้แก่ Notting Hill แหลมฉบัง มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท, Notting Hill สุขุมวิท-แพรกษา มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท, Kensington เกษตรแคมปัส มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท และ Park24 เฟส2 มูลค่าโครงการ 11,100 ล้านบาท
โครงการใหญ่จะเปิด 2H18 บริษัทเลื่อนแผนการเปิดโครงการใหญ่อย่าง Park พญาไท (มูลค่า 4.5-4.8 พันล้านบาท) ไปปลาย 3Q18 และ Park ทองหล่อ (มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท) ไปปลาย 4Q18
Park 24 เฟส 2 จะโอนเร็วกว่าแผน ตอนนี้ได้รับใบอนุญาตใช้อาคาร (อ.ช. 6) เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการออกโฉนด คาดจะเริ่มโอนได้ปลาย 2Q18 เร็วกว่าแผนเดิมราว 1 ไตรมาส
มาร์จิ้น Park24 จะดีกว่าปีที่แล้ว บริษัทสรุปเรื่อการปรับ Purchase Price Allocation (PPA) กับผู้สอบบัญชีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นการคิดจะมูลค่าโครงการ ต่างจากเดิมที่คิดตามจำนวนตารางเมตร ส่งผลให้มาร์จิ้นของ Park24 เฟส1 จะอยู่ที่ 27% สูงกว่าที่เห็นใน 4Q17 ที่ 15%
ปิด ORIGIN Hong Kong บริษัทเตรียมเปิดสำนักงานที่ฮ่องกงเพื่อทำตลาดลูกค้าต่างชาติ

---จบ----