Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: MALEE หวังQ3/61 คืนชีพ หลังQ1/61กระอักกำไรทรุด 92%

5,847

 

HotNews: MALEE หวังQ3/61 คืนชีพ
หลังQ1/61กระอักกำไรทรุด 92%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 พฤษภาคม 2561)-------- MALEE คาดผลประกอบการกลับมาโตในQ3/61 หลังโครงการลงทุนเริ่มเห็นผล ตรึงเป้าทั้งปีโต 30% เผยไม่มีโครงการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนสูงอีกในปีนี้ หลังได้ลงทุนในโครงการที่จำเป็นรองรับสร้างยอดขายครบแล้ว ปี 61 มีแผนการออกCategory ใหม่ๆ นอกเหนือจากน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เน้นเจาะตลาด Mass ระบุเริ่มออกสินค้าใหม่ตั้งแต่ปลายQ 2/61 พร้อม แจงกำไรไตรมาสแรกหดตัวแรงลดลง 92% หลังยอดขายตปท.ลดลง -มีค่าเสื่อมฯจากการลงทุนโรงงาน

บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) MALEE รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 9.46 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.03 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 118.5 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.42 บาท
MALEE ระบุว่าในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขาย รวม 1,361 ล้านบาท ลดลง 10% YoY จากการลดลงของธุรกิจ CMG ต่างประเทศและธุรกิจ Brand ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ CMG ในประเทศ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งทั้งจากสินค้าใหม่และจากสินค้าเดิมบางรายการ ในขณะที่ยอดขายธุรกิจ Brand ในประเทศค่อนข้างทรงตัว
กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2561 เท่ากับ 9 ล้านบาท ลดลง 92% YoY เนื่องจาก 1) สัดส่วนการขายต่างประเทศลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลง 2) ค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงาน เครื่องจักร และสำนักงาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต สำหรับรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสาหรับการเติบโตขององค์กรตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป 3) ค่าใช้จ่ายจากการทดสอบและเริ่มการผลิตของเครื่องจักรใหม่สำหรับสินค้าใหม่บางรายการ ซึ่งทาให้เกิดค่าใช้จ่ายจากส่วนสูญเสียการผลิต (Yield Loss) เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการย้ายการผลิตสินค้าเดิมบางรายการมาที่เครื่องจักรใหม่ 4) ต้นทุนภาษีสรรพสามิตและภาษีน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 5) ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น และ 6) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากภาระเงินกู้ที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและการทยอยลงทุนในธุรกิจการร่วมค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วน EBITDA ในไตรมาส 1/2561 เท่ากับ 75 ล้านบาท ลดลง 62% YoY แต่เพิ่มขึ้น 19% QoQ
ในไตรมาส 1/2561 ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มภายในประเทศยังคงปรับตัวลดลง 10% YoY และ 8% QoQ เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนกาลังซื้อโดยรวมยังไม่เข้มแข็งและทั่วถึงนัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมมีการขยายตัว
ในรอบระยะเวลา 12 เดือน จนถึงเดือนมีนาคม 2561 ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มภายในประเทศมีมูลค่า 12,542 ล้านบาท ลดลง 10% YoY ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มภายในประเทศโดยรวมชะลอตัวลง 2% YoY ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาวะการชะลอตัวของสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีสัด
ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนการออกสินค้าใหม่ที่เริ่มขยายไป Category ใหม่ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากน้าผลไม้พร้อมดื่ม โดยจะมุ่งเน้นในตลาดสินค้าสุขภาพที่ยังคงสามารถเข้าถึงตลาด Mass ได้ด้วย เป็นการเปิดกว้างให้บริษัทฯ สามารถขยายไปยังกลุ่มสินค้าใหม่ๆ ได้ต่อไปในอนาคต โดยบริษัทฯ จะเริ่มออกสินค้าใหม่ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2561 และจะเริ่มออกจานวนสินค้ารายการใหม่ๆ เพื่อเจาะตลาดเพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจนในไตรมาส 3/2561
ในไตรมาส 1/2561 ที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทฯ ชะลอตัวลง โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของธุรกิจ CMG ต่างประเทศ และธุรกิจ Brand ต่างประเทศ ในขณะที่บริษัทฯ มีต้นทุนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพื่อสร้างรากฐานสาหรับรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต แต่การลงทุนบางส่วนยังไม่สามารถสร้างรายได้ในทันที บางส่วนยังใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่หรือยังไม่ถึงจุดที่มีประสิทธิภาพสูงพอ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น จึงส่งผลให้กระทบผลประกอบการของบริษัทฯ ในระยะสั้น โดยบริษัทฯ คาดว่า ผลประกอบการจะสามารถกลับมาเติบโตได้ในไตรมาส 3/2561 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทฯ จะเริ่มใช้ประโยชน์จากโครงการลงทุนต่างๆ ได้มากขึ้น
หลังจากที่บริษัทฯ ได้สร้างรากฐานและความเข้มแข็งขององค์กรเพื่อรองรับการเจริญเติบโตมาโดยตลอดในช่วงประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา อาทิ การปรับปรุงทั้งในส่วนของโรงงานและเครื่องจักรเพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการปรับปรุงระบบคุณภาพ การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา การเพิ่มบุคลากรที่มีศักยภาพ การจัดตั้งบริษัทฯ ย่อยแห่งใหม่ในประเทศไทย การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดตั้งธุรกิจการร่วมค้าในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และประเทศไทย รวมถึงล่าสุด การเข้าลงทุนในธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะช่วยบริษัทฯ ขยายธุกิจอาหารและเครื่องดื่มสาหรับตลาดประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งโครงการลงทุนต่างๆ ที่ผ่านมาของบริษัทฯ เป็นไปตามกลยุทธ์การสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาค ด้วยการนาเอาจุดแข็งของพันธมิตรในแต่ละประเทศมาเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในระดับภูมิภาคต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการที่จำเป็นสำหรับการสร้างยอดขายครบถ้วนแล้ว สำหรับโครงการลงทุนอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทางานหรือช่วยลดต้นทุนต่างๆ ที่เหลืออยู่ บริษัทฯ จะชะลอการลงทุนออกไปก่อน จนกว่าโครงการลงทุนต่างๆ ที่บริษัทฯ ลงทุนไปแล้ว จะสามารถเปลี่ยนจากค่าใช้จ่ายมาเป็นรายได้ และส่งผลให้ประกอบการของบริษัทฯ กลับมาฟื้นตัวและเติบโดได้ บริษัทฯ จึงจะไม่มีโครงการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนสูงอีกในปีนี้
บริษัทฯ ยังคงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตสำหรับปี 2561 ที่ตั้งไว้ที่ 30% ซึ่งตามแผนการดาเนินงาน การเติบโตจะชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีแผนธุรกิจที่แตกต่างกันสาหรับแต่ละประเภทธุรกิจ อาทิ ธุรกิจ Brand ในประเทศ บริษัทฯ มีแผนการออกสินค้าใหม่ที่เริ่มขยายไป Category ใหม่ๆ มากขึ้น นอกเหนือจากน้ำผลไม้พร้อมดื่ม ซึ่งจะมุ่งเน้นในตลาดสินค้าสุขภาพที่ยังคงสามารถเข้าถึงตลาด Mass ได้ โดยบริษัทฯ จะเริ่มออกสินค้าใหม่ๆ ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2561
สำาหรับธุรกิจ Brand ต่างประเทศ บริษัทฯ จะสามารถเริ่มธุรกิจเครื่องดื่มในเวียดนาม ในขณะที่ธุรกิจการร่วมค้าในประเทศไทย จะดำเนินการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว (Personal Care) ได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2561 ส่วนธุรกิจการร่วมค้าในประเทศอินโดนีเซีย จะสามารถเริ่มธุรกิจได้ในไตรมาส 4/2561 และสำหรับธุรกิจ CMG บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง ทั้งด้านความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์และลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการดังกล่าวมามากกว่า 1 ปีแล้ว โดยลูกค้ารายใหม่ๆ ของบริษัทฯ อยู่ระหว่างการทดสอบการผลิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งยิ่งลูกค้าต้องการคุณภาพสูง ยิ่งต้องมีการทดสอบการผลิตหลายครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลามาก ยอดขายใหม่ที่ทยอยเข้ามาจึงยังมีไม่มากพอที่จะทดแทนรายได้ที่ลดลงบางส่วนจากสินค้าบางกลุ่มในทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เริ่มมีลูกค้าและสินค้ารายการใหม่ๆ ในช่วงไตรมาส 3/2561 เป็นต้นไป จะทำให้ยอดขายธุรกิจ CMG มีเสถียรภาพมากขึ้น และทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตสาหรับปี 2561 ได้

***3 โบรกฯ แนะถือ หลังงบQ1/61 วูบหนัก***

บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ช่วง 1Q61 MALEE มีกำไรสุทธิ 9.5 ล้านบาท หดตัว 92.0%YoY แต่หากไม่รวมกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย (Adjusted Tax) ราว 5.2 ล้านบาทในช่วง 1Q60 พบว่า MALEE มีกำไรปกติ 9.5 ล้านบาท หดตัว 91.6%YoY โดยสาเหตุของการหดตัว YoY เกิดจาก 1) ยอดขายรวมหดตัว 10.2%YoY เพราะทั้งยอดขายธุรกิจรับจ้างผลิตต่างประเทศและธุรกิจแบรนด์ตัวเองต่างประเทศหดตัว 45%YoY และ 20%YoY ตามลำดับ 2) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 24.9% จากช่วง 1Q60 ที่ 31.3% เพราะค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและสำนักงาน บวกกับ ค่าใช้จ่ายจากการทดสอบและการเริ่มผลิตของเครื่องจักรใหม่ซึ่งก่อให้เกิดการสูญเสียการผลิต (Yield Loss) รวมถึงต้นทุนภาษีสรรพสามิตและภาษีน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น 3) SG&A/Sales เพิ่มเป็น 24.3% จากช่วง 1Q60 ที่ 22.5% เพราะผลแห่งการประหยัดต่อขนาดแย่ลง และ 4) ต้นทุนทางการเงินเพิ่มเป็น 12.3 ล้านบาท จากช่วง 1Q60 ที่ 5.6 ล้านบาท จากภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นตามแผนลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่และการลงทุนกิจการร่วมค้าในต่างประเทศ ส่งผลให้ช่วง 1Q61 MALEE มี Net Margin ลดลงเหลือ 0.7% จากช่วง 1Q60 ที่ 7.8%
ด้วยผลกระทบจากต้นทุนผลิตและต้นทุนการเงินปรับเพิ่มมากกว่าคาด เพราะการลงทุนในเครื่องจักรใหม่และการลงทุนกิจการร่วมค้าในต่างประเทศ ตามแผนขยายกิจการ กดดันให้แนวโน้มอัตรากำไรสุทธิแย่กว่าคาด ดังนั้นเราจึงขอปรับลดประมาณการตั้งแต่ปี 2561 ดังนี้ 1) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปีละ 1.9% และ 2) ปรับเพิ่มต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยปีละ 127.2% โดยภายใต้ประมาณการณ์ใหม่คาดปี 2561 MALEE จะมีกำไรสุทธิ 173 ล้านบาท หดตัว 39.5%YoY (ลดลงจากเดิม 40.2%) ก่อนจะพลิกกลับมาโตต่อ 34.6%YoY ในปี 2562
แม้ช่วงทีผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่องราว 48.2%YTD ซึ่งคาดสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไปแล้ว แต่ด้วยศักยภาพทำกำไรที่ยังไม่ได้กลับมาสดใสในช่วง 2Q61 จึงทำไห้ยังไม่น่าจูงใจให้เข้ามาลงทุนในช่วงสั้นนี้ กอรปกับ ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เพียง 1.0% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2561 ที่ 20 บาท (วิธี DCF) และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 1.6% ดังนั้นเราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" รอกำไรพลิกโตในช่วงครึ่งหลัง

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส เปิดเผยว่า ผิดหวังกำไร 1Q61บริษัทรายงาน Core Profit งวด 1Q61 เพียง 4 ล้านบาท (-97%YoY, -85%QoQ) เนื่องจากยอดขาย -10%YoY จากทั้งธุรกิจ CMG และ Branded รายได้ธุรกิจ CMG ต่างประเทศ -45%YoY เพราะหมดสัญญารับจ้างกับลูกค้า ส่วนรายได้ธุรกิจ Branded ต่างประเทศ -20%YoY เนื่องจากมีปัญหากระจายสินค้าน้ำมะพร้าว ด้านอัตรากำไรขั้นต้นหดตัวเหลือ 24.9% ใน 1Q61 จาก 31.1% ใน 1Q60 เพราะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นหลังติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ใช้กำลังการผลิตน้อยลง มี Yield loss เพิ่มขึ้นในช่วงใช้เครื่องจักรใหม่ ส่วนกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายเป็น 9 ล้านบาทเพราะมีกำไร FX ในไตรมาสนี้ 3.6 ล้านบาท
ปรับคำแนะนำเป็น Fully Valued (เดิมถือ) - ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกมาก เราปรับลดคาดการณ์กำไรปี 61-62 ลง 38% และ 32% สะท้อนยอดขายและมาร์จิ้นที่ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม และลดราคาพื้นฐานลงเป็น 14 บาท โดยอิงกับ P/E ปีนี้ที่ 20 เท่า

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี แนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 20 บาท/หุ้น โดยMALEE ประกาศกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 9.5 ล้านบาท (-92%yoy, -66%qoq) ต่ำกว่าประมาณการของเราและตลาด 66% และ 63% ตามลำดับแม้คาดว่า 1Q18 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดสำหรับปีนี้ เรายังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในหุ้นตัวนี้จนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
คาดสายการผลิตล่าสุดของบริษัท จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นใน3Q18F เป็นต้นไป แนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังไม่สดใสสำหรับตลาดน้ำผลไม้ในประเทศ และยอดขายน้ำมะพร้าวส่งออก เป็นปัจจัยหลักที่เรากังวล
คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายลดลงอยู่ที่ 20 บาท

----จบ----

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้