Today’s NEWS FEED

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ SET ชะลอตัว/ไซด์เวย์ ชี้ "มาตรการคุมบาทกดดันบาทไม่มากนัก"

92

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 24 ธันวาคม 2568 )-------InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 24 ธันวาคม 2568 คาดตลาดชะลอตัว/ไซด์เวย์ ค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่านัก แม้มีมาตรการออกมา และมาตรการดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นโดยตรงช่วยลดความกังวล ติดตามนโยบายพรรคการเมืองในการแก้ปัญหา ศก. และ Window Dressing สัปดาห์นี้ต่อ ปัจจัยภายนอก GDP สหรัฐฯ ใน 3Q68 ออกมาสูงกว่าคาดที่ 4.3% ทำให้ความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยเฟด ม.ค. จากระดับ 20% เหลือ 14% ทางเทคนิค หากพักฐานสั้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า 1268-1265 อีก มีแนวต้านที่ 1280/1285

 

ประเด็นสำคัญ
• กระทรวงการคลังและ ธปท. ร่วมแถลง 3 มาตรการเพื่อกำกับดูแลการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มเพื่อลดแรงกดดันต่อบาทแข็งค่า ได้แก่ ให้ร้านทองรายงานข้อมูลธุรกรรม, สรรพากรพิจารณาการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ และ ธปท. กำหนดเพดานปริมาณการทำธุรกรรมทองคำ เพื่อจำกัดความผันผวนในตลาดเงิน
• กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนน้ำมันฯ สำหรับดีเซลลง 20 สต./ลิตร และขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันลดราคาขายปลีกดีเซลและเบนซินลง 50 สต./ลิตร ทำให้ราคาดีเซลลดลงเหลือ 30.44 บาท/ลิตร มองเป็น Sentiment เชิงลบต่อค่าการตลาดของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อนที่ 778,341 คน เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 10.4%WoW โดยพบการเร่งตัวขึ้นที่ชัดเจนจากกลุ่ม นทท. ระยะไกล และการฟื้นตัวของ นทท. มาเลเซียจากช่วงปิดภาคเรียน ขณะที่ นทท. จีนและอินเดียทยอยฟื้นตัว ทำให้จำนวน นทท. ต่างชาติสะสมในปีนี้รวม 31,756,947 คน ต่ำกว่าในปีก่อน 7.3%YoY
• ประมาณการ 3Q68 GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 4.3%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +3.2%QoQ และสูงกว่าไตรมาสก่อนที่ +3.8%QoQ หนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ขยายตัวที่แข็งแกร่ง แต่ทำให้ตลาดลดความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 25bps ใน ม.ค. 2569 เหลือ 15.5%
• ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกใน พ.ย. 2568 ของไต้หวันขยายตัว 39.5%YoY สู่ 7.29 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และเป็นอัตราที่ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 5 ปี จากความต้องการ AI ที่สูงต่อเนื่อง คาดยอดสั่งซื้อทั้งปีอาจแตะระดับ 7 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1230-1285 จุด หลังขาดปัจจัยชี้นำใหม่ และมีวอลุ่มซื้อขายที่เบาบางลง หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มใกล้ช่วงปลายปีก่อนเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อขาย โดยเฉพาะต่างชาติ ทั้งนี้มองตลาดจะติดตามปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อาทิ รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายหลักแต่ละพรรค ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและผลประกอบการของ บจ. ไทย, ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกบางส่วนที่อาจช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ เช่น แรงซื้อจากกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง ThaiESG ที่อาจเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องในระยะสั้น และการทำ Window Dressing ที่นักลงทุนสถาบันบางส่วนอาจใช้ปรับพอร์ตให้ดูดีก่อนสิ้นปี ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

แนวรับ – แนวต้าน : 1265/1258 – 1280/1285

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบก่อนเข้าช่วงสิ้นปี คาดตลาดติดตามปัจจัยในประเทศ-การเมือง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าอีก 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ 2) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี และ 3) หุ้นที่อยู่ใน SETESG และ SET100 ที่คาดได้อานิสงส์จากมีแรงซื้อโค้งสุดท้ายกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG โดยเลือกหุ้นที่ล่าสุด ตลท. ประกาศผล SET ESG Rating ดีขึ้นตั้งแต่ A ขึ้นไปและเราแนะนำ Outperform อีกทั้งราคาหุ้นปรับลง YTD เลือก BDMS CHG ERW GLOBAL HMPRO PRM


Daily Top Picks

ADVANC: ปัจจัยกระตุ้นจากโมเมนตั้มกำไรที่จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องใน 4Q68 จาก ARPU ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจหลัก (โทรศัพท์เคลื่อนที่และ FBB) มีการควบคุมต้นทุนที่ดี ค่าใช้จ่ายการตลาดที่มีแนวโน้มลดลง และการรับรู้ประโยชน์การประหยัดต้นทุนหลังการประมูลคลื่นความถี่เต็มไตรมาส เป้าหมายระยะสั้น 319 บาท

GPSC: มีปัจจัยกระตุ้นจากราคาก๊าซฯ ใน 4Q68TD ที่ลดลง QoQ และราคา LNG อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลงเร็วกว่า Ft ช่วยหนุน SPP Margin และกำไรใน 4Q68 บริษัทกำลังพิจารณาลงทุน Data Center ในไทยและอินเดียซึ่งมีโอกาสจะเป็น Upside ในระยะถัดไปได้ เป้าหมายระยะสั้น 37.00 บาท

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ATLAS–PTG ส่งต่อพลังแห่งความห่วงใย สนับสนุนทหารไทย–ประชาชนพื้นที่ชายแดน เสริมภารกิจดูแลความเป็นอยู่ยามวิกฤติ

ATLAS–PTG ส่งต่อพลังแห่งความห่วงใย สนับสนุนทหารไทย–ประชาชนพื้นที่ชายแดน เสริมภารกิจดูแลความเป็นอยู่ยามวิกฤติ

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้