สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 ธันวาคม 2568)------สวัสดิการที่ยกระดับคุณภาพชีวิตกลายเป็นปัจจัยอันดับ 1 ในการตัดสินใจสมัครงาน พร้อมชี้ว่านอกเหนือจากวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรและยืดหยุ่นแล้ว ผลตอบแทนอย่างโบนัสก็เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันให้คนทำงานมีพลังใจสู่การทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ช่วงปลายปีจะเป็นช่วงเวลาที่คนทำงานต่างมองหาวิธีการ “รีเซ็ตทั้งร่างกายและจิตใจ” และสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน Jobsdb by SEEK เผยว่าท่ามกลางความท้าทายของการทำงานยุคใหม่ หลายองค์กรตระหนักถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของบุคลากร และเริ่มวางแผนเพิ่มให้ความสำคัญกับสุขภาวะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสวัสดิการวันลาพิเศษเพื่อสุขภาพจิตและเพื่อดูแลครอบครัว ซึ่งสะท้อนถึงการเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ความเป็นอยู่ที่ดี และยังรวมไปถึงความมั่นคงทางการเงินของบุคลากร ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะรักษาคนในองค์กรอย่างยั่งยืน

คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย กล่าวว่า “จากความเปลี่ยนแปลงที่มีอย่างต่อเนื่องในตลาดงานไทยปี 2568 ผลักดันให้หลายองค์กรมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรในยุคที่วิถีของการทำงานเปลี่ยนไป ผ่านสวัสดิการที่ตอบโจทย์สุขภาวะที่ดีในทุกด้านซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจและความยั่งยืนในการทำงาน เพราะการปรับตัวให้เข้ากับคนทำงานรุ่นใหม่และโลกการทำงานยุคดิจิทัลนั้นต้องอาศัยตัวแปรที่ดึงดูดความเชื่อมั่นของบุคลากรให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในฐานะแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ชั้นนำ Jobsdb by SEEK มุ่งมั่นที่จะสะท้อนทุกเสียงของคนทำงานและสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง เพราะเราเชื่อว่าความยั่งยืนขององค์กรเริ่มต้นจากการดูแล ‘คน’ อย่างแท้จริง”
สวัสดิการ Well-being และวันลาพิเศษ คือหัวใจหลัก

เมื่อความสำคัญของคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดี (Well-being) มีความหมายมากขึ้น การลาหยุดเพื่อดูแลสุขภาพจิตและครอบครัวจึงกลายเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่กำลังมาแรง เพราะนอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว ก็ยังกลายเป็น “กลยุทธ์หลัก” ที่องค์กรนำมาใช้เพื่อดึงดูดและรักษาคนทำงานยุคใหม่ได้อย่างดี แม้ว่าวันลาพักร้อนจะยังคงเป็นสิทธิพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนทำงาน แต่เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายของคนทำงานยุคใหม่ องค์กรจึงได้มีการพิจารณาวันลาพิเศษด้านสุขภาวะเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์การดูแลบุคลากรได้อย่างรอบด้าน

รายงานข้อมูลจาก Hiring, Compensation & Benefits (HCB) Report 2025 พบว่า องค์กรจำนวนมากเริ่มเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อตอบสนองความเป็นอยู่ที่ดีในทุกด้านของพนักงาน โดย 11% ขององค์กรมีแผนเพิ่มวันลาสุขภาพจิต (Mental Health Day Off) และ 15% เตรียมเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อดูแลครอบครัว (Family Care Leave) นอกจากนี้วันลาในวันเกิดยังคงติดอันดับวันลาที่คนทำงานสนใจและต้องการ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในการสร้างสภาพแวดล้อมที่องค์กรปฏิบัติต่อบุคลากรอย่างเป็น “มนุษย์” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรที่มีคุณภาพ
ขยายมิติ Well-being ในสายงานและความมั่นคงที่มาพร้อมความโปร่งใสของผลตอบแทน ซึ่งมัดใจคนทำงานยุคใหม่และสร้างแรงจูงใจได้ในระยะยาว

เพราะปัจจุบันคำจำกัดความของ Well-being ในบุคลากรนั้นได้ขยายมิติไปสู่การดูแลแบบองค์รวม ซึ่งได้แก่ ความมั่นคงทางการเงินด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากเงินเดือนที่ดีแล้ว ความโปร่งใสในการให้โบนัสหรือขึ้นเงินเดือนนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความไว้ใจและแรงจูงใจในระยะยาว โดย Jobsdb by SEEK ระบุว่าองค์กรไทยกว่า 79% เปิดเผยวิธีการคำนวณและจ่ายโบนัสให้บุคลากรอย่างชัดเจน ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการสร้างระบบผลตอบแทนที่ยุติธรรมและตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและบุคลากรให้แน่นแฟ้นและยังช่วยรักษาคนเก่งให้สามารถทำงานในองค์กรได้ยาวนานยิ่งขึ้น

ในส่วนของด้านผลตอบแทนองค์กรไทยยังคงให้ความสำคัญกับโบนัสตามผลงาน โดย 84% ขององค์กรยังคงจ่ายโบนัสตามผลงาน และมีกว่า 85% ขององค์กรที่มีนโยบายปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มเงินเดือนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1–5% ขณะที่ค่าเฉลี่ยโบนัสโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 1.8 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสร้างความมั่นใจในด้านผลตอบแทนทางการเงินที่โปร่งใส เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญในการเสริมความมั่นใจและรักษาบุคลากรในองค์กรได้อย่างยั่งยืน

Jobsdb by SEEK พร้อมเดินเคียงข้างตลาดงานไทยสู่อนาคตที่มั่นคง และยืนยันว่าการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุดขององค์กร คือการลงทุนใน “คน” ผ่านสวัสดิการที่ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง องค์กรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Well-being แบบองค์รวม ผ่านสวัสดิการที่ยืดหยุ่น วันลาพิเศษสำหรับดูแลด้านสุขภาพจิตของคนทำงานและวันลาพิเศษเพื่อดูแลครอบครัว รวมถึงความโปร่งใสด้านผลตอบแทน จะสามารถสร้างความไว้วางใจและรักษาบุคลากรให้อยู่ในองค์กรได้ในระยะยาว สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญกับผลการทำงานเท่านั้น แต่ยังเห็นคุณค่าของ “ชีวิตและความเป็นมนุษย์” ของพนักงานอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่วัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และพร้อมเติบโตไปด้วยกันในอนาคต