สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 ธันวาคม 2568 )-----‘บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล’ หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร ตอกย้ำศักยภาพองค์กรด้านความยั่งยืน ด้วยการคว้าผลประเมิน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ในระดับ AA ยกระดับผลงานจากปีก่อน สะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล และบูรณาการนำความยั่งยืนมาบริหารจัดการครบทุกมิติ พร้อมเดินหน้าปี 2569 ยกระดับองค์กรสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน และผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ก้าวเข้าสู่มาตรฐานดัชนีความยั่งยืนระดับสากล FTSE Russell สร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE  เปิดเผยว่า ตลอดปี 2568 UBE ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล) โดยนำแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการดำเนินธุรกิจ ที่คำนึงถึงการบริหารความเสี่ยง ทั้งการปรับพอร์ตธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง และเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risks) เพื่อรับมือกับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และให้ความสำคัญและสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยดำเนินงานเข้มข้นและโดดเด่นทั้งใน มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ที่ให้ความสำคัญการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-Circular-Green Economy) มาใช้ในกระบวนการผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง มิติด้านสังคม (Social)  ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังคุณภาพสูง และนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร และมิติธรรมาภิบาล (Governance) มุ่งการสร้างองค์กรโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาลให้เป็น DNA ที่ฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร ส่งผลให้ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับผลการประเมิน “หุ้นยั่งยืน” SET ESG Ratings ประจำปี 2568 UBE สามารถยกระดับคะแนนประเมิน SET ESG Ratings ในกลุ่มทรัพยากร (Resources)  ขึ้นสู่ระดับ AA จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ A และเป็นหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 80 บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการยอมรับในระดับ AA สะท้อนให้เห็นว่า UBE ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืนอย่างแท้จริง ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการสร้างสมดุลระหว่างผลประกอบการ การกำกับดูแลกิจการที่ดี และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และพร้อมเดินหน้าผลักดันวัฒนธรรม ESG ให้เป็นรากฐานสำคัญขององค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจบทบาทของตนเองในการสร้างผลกระทบเชิงบวก และร่วมกันยกระดับคุณค่าร่วมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน

“สำหรับ UBE ตัวเลขคะแนนการประเมินที่สูงขึ้นเป็นเพียงเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ความภูมิใจสูงสุดของเราอยู่ที่การได้เห็น ‘คุณค่า’ ที่เราส่งต่อไปยังสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นงอกงามเป็นรูปธรรมในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกร หรือระบบนิเวศที่เราช่วยกันรักษา เราจะมุ่งมั่นสร้างมาตรฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อการเติบโตขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทุกคน” นางสาวสุรียส กล่าว

ทั้งนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นยกระดับองค์กรสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหาร พลังงาน และผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากเกษตรกรรมที่ยั่งยืน  โดยเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นในหลัก ESG อย่างเคร่งครัด ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สู่เป้าหมาย Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050)  และในมิติด้านสังคม (Social)  เน้นการสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรต้นน้ำและชุมชนรอบข้างอย่างยั่งยืน และธรรมาภิบาล (Governance) ที่ยึดมั่นในการบริหารงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม โดยได้วางเป้าหมายที่สำคัญในปี 2569  คือการก้าวเข้าสู่มาตรฐานดัชนีความยั่งยืนระดับสากล FTSE Russell ผ่านการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงทุกมิติของความยั่งยืน   เพื่อเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน สังคม และพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ