สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 12 ธันวาคม 2568 )------- บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงจากความกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์
SET Index ปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์และหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาต่อมาก่อนวันหยุดของตลาดในประเทศ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงอีกครั้งสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังทราบผลการประชุมเฟด โดยแม้เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมการออมระยะยาว (TISA) ของกระทรวงการคลังก็ยังไม่มีข้อสรุป ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบช่วงท้ายสัปดาห์ โดยแม้จะมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับขึ้นโดยภาพรวม แต่ข่าวการประกาศยุบสภารวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลายก็ส่งผลให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุน
ในวันศุกร์ที่ 12 ธ.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,254.10 จุด ลดลง 1.54% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,233.71 ล้านบาท ลดลง 10.33% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.10% มาปิดที่ระดับ 211.65 จุด
สัปดาห์ถัดไป (15-19 ธ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,245 และ 1,230 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,305 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (17 ธ.ค.) ประเด็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ดัชนีราคาผู้บริโภค ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนพ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม ECB, BOE และ BOJ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร