สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 ธันวาคม 2568 )-------InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 ธันวาคม 2568 คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์ DELTA ยังเป็นหุ้นที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะสั้น ติดตามเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) เพิ่มเติม ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชารุนแรงขึ้น แต่ตลาดเริ่มชินหากการปะทะยังอยู่ตามแนวชายแดน ปัจจัยต่างประเทศ ผลการประชุมเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด แต่จะกลับมาซื้อ T-bills มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เริ่มศุกร์นี้ หนุนจิตวิทยาสั้น ทางเทคนิค หากยังแกว่งในกรอบตลาดไม่ควรหลุดแนวรับ 1258/1250 การปรับตัวขึ้นมีแนวต้าน 1273/1280
ประเด็นสำคัญ
• FOMC มีมติ 9 ต่อ 3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50%-3.75% ตามตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 อีกทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ในปี 2569 เป็น +2.3% จากระดับ +1.8% และคงคาดอัตราว่างงานในปี 2569 ไว้ที่ระดับ 4.4%
• วันนี้ ติดตามกระทรวงการคลังชี้แจงรายละเอียดโครงการบัญชีการออม TISA ก่อนนำเข้าสู่ ครม. สัปดาห์หน้า โดยเฉพาะ การปฏิรูปโครงสร้างสิทธิประโยชน์ทางภาษี, เพดานลดหย่อนภาษีรวม 8 แสนบาท/ปี และยอดเงินออมลดหย่อน 1.3 และ 0.7 เท่าสำหรับผู้มีเงินได้สุทธิต่ำกว่าและสูงกว่า 1.5 ลบ./ปี ตามลำดับ
• โฆษกรัฐบาลเผยที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณา “คนละครึ่งพลัส” เฟสสอง เพื่อกระตุ้นการบริโภคต่อเนื่องในปี 2569 คาดว่าจะมีจำนวน 10 ล้านสิทธิ์ คนละ 2,000 บาท วงเงินรวม 2.2 หมื่นลบ. และคาดจะเปิดลงทะเบียนช่วงปลาย ธ.ค. นี้ และเริ่มใช้ใน ม.ค. 2569
• งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 หรือ Motor Expo 2025 ช่วง 12 วัน (28 พ.ย. – 9 ธ.ค.) มียอดจองรถยนต์ทั้งสิ้น 60,525 คัน นำโดย โตโยต้า, บีวายดี, ฮอนด้า ด้านผู้จัดงานคาดในวันสุดท้าย (10 ธ.ค.) จะหนุนยอดจองรวมทะลุ 65,000 คัน สูงขึ้นจากปี 2567 ที่ 54,513 คัน
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยสัปดาห์ก่อนจำนวน 669,991 คน เพิ่มขึ้น 5.5%WoW โดยการเติบโตเพิ่มขึ้นจากมาเลเซีย +27.7%WoW, เกาหลีใต้ +7.1%WoW, อินเดีย +6.6%WoW, จีน +4.1%WoW ด้าน ททท. ประเมิน นทท. ต่างชาติจะเพิ่มขึ้นต่อเนืองหนุนจาก High Season ของตลาดระยะไกล
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1250-1320 จุด ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญติดตาม ได้แก่ ผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด (11 ธ.ค.) ซึ่งล่าสุดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 3.75% ตามตลาดคาด ขณะที่ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 และปรับเพิ่ม GDP สหรัฐฯ ปี 2569 เป็น 2.3% จากระดับ 1.8% ขณะที่ในประเทศติดตามกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการส่งเสริมการออมผ่านตลาดทุนภายใต้แนวคิดระบบ ISA เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่ต้องผ่าน LTF รวมทั้งเสนอคุมค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกินปีละ 8 แสนบาท ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1250/1244 – 1268/1273
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวไซด์เวย์ แม้เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ตามตลาดคาด แต่ยังต้องติดตามปัจจัยในประเทศ อาทิ ครม. พิจารณา ISA และคุมเพดานค่าลดหย่อนภาษี รวมทั้งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SETESG Rating A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 68 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง เราคาด กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งใน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งใน 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมีนโยบายภาครัฐหนุน อาทิ นโยบาย BOI Fast Pass แนะนำกลุ่มนิคม (WHA AMATA), นโยบายรนำร่องปลดล็อกช่วงเวลาห้ามขายเหล้าเบียร์ 14.00-17.00 น. เป็นเวลา 6 เดือน แนะนำกลุ่มค้าปลีก (CPALL BJC), นโยบายเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม กลุ่มการแพทย์ (BCH CHG) และ 2) หุ้นที่คาดนำเข้าคำนวณ SET50 ในรอบ 1H69 ซึ่งจะประกาศกลาง ธ.ค. นี้ แนะนำ SAWAD ITC
Daily Top Picks
PTT: มีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นและโครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่คาดหนุนธุรกิจโรงแยกก๊าซได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง และเป็นหุ้นปันผลคุณภาพดี (คาดให้ Div. Yield ปีละ 6.4%) ซึ่งมีโอกาสได้อานิสงส์จากมาตรการส่งเสริมการออม (ISA) ส่วน Asset Monetization ทําให้บริษัทในกลุ่มแข็งแกร่ง เป้าหมายระยะสั้น 32.50 บาท
KTB: มีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการเป็นหุ้นปันผลสูงที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากโครงการส่งเสริมการออม (ISA) คาดเงินปันผลในปี 2568–2570 ราว 2.15–2.35 บาท/หุ้น หรือ Div. Yield ราว 7.9-8.6% และมี Upside จากโครงการซื้อหุ้นคืน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ที่ตํ่า เป้าหมายระยะสั้นที่ 29.50 บาท