วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนบวก โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลกลับเข้ามา เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม แรงซื้อหลักอยู่ในหุ้นDELTA ซึ่งหนุนดัชนีราว 5 จุด ตามด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนส่ง และไอซีที ขณะที่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้น เป็นปัจจัยกดดันดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,269.87 จุด +8.48 จุด +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 25,889.49 ลบ. Program Trading -578.92 ลบ.ต่างชาติ+911.33 ลบ. TFEX -952 สัญญา ตราสารหนี้+238.17 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 497.46 จุด หรือ +1.05% หลังจาก FED ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด นอกจากนี้ การแสดงความเห็น ขอ งเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.36% ปิดที่58.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯ ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งที่บริเวณนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ซึ่งนักลงทุนมองว่าอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันนอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ( FED )ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุด ซึ่งจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
+ ธนาคารกลางสหรัฐมีมติ 9 ต่อ 3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%สู่ระดับ 3.50-3.75% ตามคาด ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกัน โดยระบุในแถลงการณ์ว่าจะจับตาภาวะเศรษฐกิจเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ก่อนปรับนโยบายการเงินครั้งต่อไป
+ Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569ซึ่งสอดคล้องกับการส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ FED ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2569 เป็น 2.3%จากระดับ 1.8% และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2569 ไว้ที่ระดับ 4.4%
+ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาอุปทานส่วนเกิน หรือโอเวอร์ซัพพลายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี รวมถึงการแก้ไขปัญหาสงครามราคา ตัดราคาขายรถอีวีในประเทศได้ครบถ้วน และผ่านการเห็นชอบจาก ครม. แล้ว ประกอบด้วย 3 มาตรการส าคัญ
ปัจจัยลบ
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมพิจารณาเก็บภาษีน าเข้าสินค้าจากเม็กซิโกเพิ่มเติมอีก 5% หากเม็กซิโกไม่เร่งจัดสรรน้ำให้สหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเกษตรกร โดยชี้ว่าเม็กซิโกละเมิดเงื่อนไขการแบ่งปันน้ำตามสนธิสัญญาระหว่างสองประเทศ
- ส.อ.ท.ชี้สถานการณ์ปะทะชายแดน "ไทยกัมพูชา" ส่งผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจและการค้า ชี้การขายต่อวันลดลงเกือบ 100% ย้ำการเจรจาการค้าภาษีสหรัฐยังต้องรอดูท่าทีสหรัฐ
- กองทัพภาคที่ 2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุขึ้นอีกครั้ง พบความเคลื่อนไหวทางทหารหลายจุดส าคัญตลอดแนว สุรินทร์–บุรีรัมย์ พร้อมยืนยันกำลังพลทุกหน่วยอยู่ในที่ตั้งครบถ้วน เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนชายแดนอย่างสูงสุด
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงหนุนจาก FOMC ของเฟดมีมติ 9 ต่อ 3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ตามคาด แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ทางชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังมีการตอบโต้ต่อเนื่อง มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,260-1,270 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- คาดการณ์หุ้นเข้าคำนวณ SET50-SET100 รอบ 1H26 : SET50 เข้า ITC SAWAD ออก BCP VGI SET100 เข้า GFPTPTG ออก MBK WHAUP
- โครงการ TISA : PTTEP TISCO HMPRO SCB KBANK KKP
- FTSE Rebalance (ใช้ราคาปิด 19 ธ.ค.) : FTSE SET Large-Cap Index เข้า THAI ออก AWC FTSE SET Mid-CapIndex เข้า AWC SCCC ออก PTL PSL PSH SNNP STECON TQM